CPALL ชูกลยุทธ์ดันกำไรสูงปี’ 67 ขายล็อตใหญ่ ของมาร์จิ้นดี ต้นทุนเงินลด

HoonSmart.com>>”ซีพี ออลล์” (CPALL) ลั่นกำไรขาขึ้น ยาวถึงปี 67 ตั้งงบลงทุน 12,000-13,000 ล้านบาท คาดยอดขายสาขาเดิมโตตามเศรษฐกิจ ทุกปีเปิดสาขาใหม่ 700 สาขา กัมพูชา-ลาว ขายอาหารพร้อมทานพร้อมดื่มไปได้สวย เล็งขยายสาขา ในไทยให้โจทย์วัดผลงาน ดันกำไรเพิ่ม ผ่านกลยุทธ์ขายสินค้าล็อตใหญ่ หาของใหม่ๆมาร์จิ้นสูง ต้นทุนการเงินลดลง คุมไม่เกิน 4% ต่อปี  ด้านหุ้นมีมูลค่าซื้อขายสูงกว่า 4,525 ล้านบาท ราคาเริ่มยืนได้ ส่วนบริษัทในกลุ่ม “ซีพี แอ็กซ์ตร้า”( CPAXT) ราคาตั้งหลักวิ่ง 5.88% หลังปฎิเสธเกี่ยวข้องนำเข้าหมูเถื่อน ใช้โปรแกรมเทรดสนั่น 43.62%

น.ส.จิราพรรณ ทองตัน หัวหน้าสำนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า แนวโน้มผลดำเนินงานในไตรมาสที่ 4/2566 เติบโตต่อเนื่อง ส่วนในปี 2567 กำไรก็จะดีขึ้น นอกจากยอดขายสาขาเดิม (SSG) เติบโตตามเศรษฐกิจประมาณ 3% บริษัทมีการตั้งงบลงทุนจำนวน 12,000-13,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการขยายสาขา 7-ELEVEN ประมาณ 700 สาขา จาก ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2566 มีทั้งสิ้น 14,391 สาขา มาจากการเปิดใหม่ 553 สาขา คาดว่าทั้งปีจะเข้าเป้า 700 สาขา ส่วนสาขากัมพูชา เปิดแล้วเกือบ 80 สาขา ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 30-40 สาขา/ปี และสปป.ลาว เปิด 1 สาขา ขยายเพียง 2-3 สาขาต่อปี เพราะประเทศเล็กกว่า อย่างไรก็ตาม ยอดขายในทั้งสองประเทศมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะสินค้าอาหาร ประเภท พร้อมทาน พร้อมดื่ม แต่กว่าจะมีกำไรต้องใช้เวลานาน เนื่องจากพื้นที่ราคาแพงกว่าไทย คาดว่าอีก 2-3 ปี จะถึงจุดคุ้มทุน

ส่วนในประเทศไทย บริษัทยังมีกลยุทธ์ในการขายสินค้าล็อตใหญ่ขึ้น เช่น ข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม น้ำมัน 3 ขวด ทำให้ยอดขายต่อบิลเพิ่มขึ้น และหาสินค้าใหม่ ๆ ที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูง มาขายเพิ่มด้วย ควบคุมค่าใช้จ่าย  รวมถึงต้นทุนทางการเงินจะลดลง จากการที่มีหุ้นกู้ระยะยาว ดอกเบี้ยสูงครบอายุ ออกใหม่มาทดแทนต้นทุนลดลง โดยมีนโยบายคุมดอกเบี้ยไม่เกิน 4.00% ต่อปี ขณะเดียวกันบริษัทในกลุ่ม อาทิ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CPAXT) ออกหุ้นกู้มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยไม่ถึง 4.00 % ต่อปี เช่นเดียวกัน ส่วนโลตัส ขายสินค้าพรีเมี่ยม ที่มีมาร์จิ้นสูงได้ ทั้งนี้ทั้งกลุ่มคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 3.5-3.6 หมื่นล้านบาทในปีหน้า

“ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 4 และครึ่งแรกของปีหน้า เพราะปีนี้ CPAXT มีการปรับโครงสร้างหนี้สกุลต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาท ดอกเบี้ยคงที่สามารถบริหารจัดการได้ 4.00% ต่อปี รวมถึง CPALL ก็ออกหุ้นกู้ 1.2 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ  ทำให้กลุ่มสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้ดี ควบคุมหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยให้อยู่ต่ำกว่า 2 เท่า และดูแลการใช้จ่ายไม่ให้สูงกว่ารายได้”

ด้านการซื้อขายหุ้น วันที่ 30 พ.ย.66  ราคาหุ้น CPALL  ผันผวนระหว่างวันลงไปต่ำสุด 50.50 บาท ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 52 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.48% ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายมากถึง  4,490.25 ล้านบาท แต่ไม่ติดรายการซื้อขายผ่านโปรแกรมเทรดร้อนแรงผิดปกติ

สำหรับหุ้น CPAXT ราคาตีกลับแรง ปิด 27 บาท พุ่งขึ้น 5.885 มูลค่าซื้อขาย 935 ล้านบาท มีการซื้อขายผ่านโปรแกรม มูลค่า 408 ล้านบาท สัดส่วน 43.62% หลังจากบริษัทปฎิเสธข่าวเกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อน และราคาไหลลงแรงสองวันติดต่อกันมากกว่า 8% สวนทางภาพรวม ดัชนีปิดที่ระดับ 1,380.18 จุด ลดลง 7.51 จุด หรือ -0.54% มูลค่าซื้อขาย 76,183.57 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,704.82 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 3,806.46 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 268.79 ล้านบาท

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ลดลงอ่อนแอกว่าตลาดต่างประเทศ จากแรงขายลดความเสี่ยงก่อน MSCI จะปรับน้ำหนักการลงทุนในวันนี้ และหุ้นในกลุ่มธนาคารก็เจอแรงขายมากหลังแบงก์ชาติปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปีหน้าลงทำให้กระทบ Sentiment

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องค่า FT ที่ล่าสุดมีข่าวออกมาว่าจะไม่เกิน 4.2 บาท/หน่วย ทำให้หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าเพิ่มแรงขายเข้ามาอีก พร้อมให้ติดตามตัวเลข PCE ของสหรัฐคืนนี้ แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) ตลาดคงจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,370-1,365 จุด แนวต้าน 1,385 จุด