HoonSmart.com>> “ธนาคารกรุงศรี” คาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.50 บาท/ดอลลาร์ หลังแข็งค่าสัปดาห์ก่อน จับตาบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทะลุ 4.6%
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-34.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.06 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.02-34.34 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่เงินเยนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือน โดยปริมาณธุรกรรมตลาดการเงินโลกเป็นไปอย่างเงียบเหงาท่ามกลางการปิดสถานะการลงทุนช่วงสิ้นปีและวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส
ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 68 และการคาดการณ์ของผู้ร่วมตลาดที่ว่านโยบายของทรัมป์จะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,388 ล้านบาท แต่มียอดขายพันธบัตรสุทธิ 1,208 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ การซื้อขายอาจคึกคักขึ้นบ้างหลังผ่านพ้นช่วงคาบเกี่ยวปี โดยนักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูล ISM ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯท้ายสัปดาห์ อนึ่ง ในภาพใหญ่ปัจจัยชี้นำสำคัญยังอยู่ที่การคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยเฟด รวมถึงราคาทองคำตลาดโลก
ทั้งนี้ บอนด์ยิลด์ระยะสิบปีของสหรัฐฯพุ่งขึ้นมาแล้วเกือบ 100bps ทะลุระดับ 4.6% นับตั้งแต่เฟดเริ่มต้นวัฎจักรการลดดอกเบี้ยเมื่อเดือนก.ย.
ขณะที่ในการประชุมรอบสุดท้ายของปี 67 เฟดได้ส่งสัญญาณว่านโยบายด้านอัตราศุลกากรและภาษีของทรัมป์จะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ใช้พิจารณาดำเนินนโยบายการเงิน ท่าทีที่ระมัดระวังดังกล่าวบ่งชี้ว่าเฟดกลับมากังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากขึ้น ภาวะเช่นนี้อาจกดดันบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยในมุมของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเราคาดว่าความแตกต่างของเส้นทางการปรับดอกเบี้ยระหว่างเฟดกับธนาคารกลางหลักหลายแห่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงต้นปี 68 อย่างน้อยจนกว่าจะถึงพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งปธน.อย่างเป็นทางการของทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค.
สำหรับปัจจัยในประเทศ ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ขณะที่ธปท.ระบุว่าเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคภาคเอกชนลดลงหลังจากที่เร่งตัวจากมาตรการเงินโอนภาครัฐ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวยังเติบโตและการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวต่อเนื่อง
———————————————————————————————————————————————————–