HoonSmart.com>> Finnomena Funds เปิดมุมมองการลงทุนปี 2025 ภายใต้นโยบาย ทรัมป์ 2.0 มอง “ตลาดหุ้นอินเดีย เวียดนาม” ยังน่าสนใจลงทุน ส่วน “ตลาดหุ้นไทย” ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเบิกจ่ายจากภาครัฐฟื้นตัว
นายวศิน ปริธัญ Managing Director บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ในเครือ Finnomena Group กล่าวว่า มุมมองการลงทุนปี 2025 ภายใต้นโยบาย ทรัมป์ 2.0 แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังขยายตัวต่อเนื่องในระดับปกติ ห่างไกลจากสภาวะถดถอย อัตราเงินเฟ้อยังเป็นขาลง ค่าเงินดอลลาร์ มีโอกาสกลับมาอ่อนค่า ตลาดหุ้นลดความกระจุกตัวลง แต่จากที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามาก ทำให้มูลค่าเริ่มตึงตัว การลงทุนควรเลือกเป็นรายตัว
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงจาก นโยบาย ทรัมป์ 2.0 ประกอบด้วย การตั้งกําแพงภาษีทําให้ยุโรปและจีน เกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ราคานํ้ามันปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาความไม่สงบ อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงจนธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ การตอบโต้ด้านการค้าจากประเทศอื่น ๆ ทําให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคน้อยลง ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง จากความเสี่ยงการกระจุกตัวของการปรับขึ้นจากหุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากจนเกินไป ดังนั้นการลงทุนในสหรัฐฯ มีมุมมอง Neutral เศรษฐกิจมหภาคไปต่อได้ แต่ Valuation ตึงตัวมาก การลงทุนควร Selective ทยอยสะสมกองทุน AFMOAT-HA, ASP-USSMALL-A
สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market) เช่น กลุ่มยุโรป เศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้า อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 เช่น การตั้งกําแพงภาษี และปัญหาสงคราม ส่งผลธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประสบความท้าทายเรื่องการลดดอกเบี้ยต่อ หรือคงดอกเบี้ย มุมมองการลงทุน Slightly Negative แนะนำทยอยลดสัดส่วน
ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่น คาดว่า เศรษฐกิจจะยังเติบโตได้แต่เปราะบางจากอัตราเงินเฟ้อที่สูง ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) มีท่าทีเข้มงวด (Hawk) มากขึ้น สวนทางธนาคารกลางสหรัฐฯ ค่าเงินเยนมีโอกาสแข็งค่าขึ้น จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลเสียกับตลาดหุ้น มุมมองการลงทุน Slightly Negative แนะนำทยอยลดสัดส่วน
ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ตลาดหุ้นจีน ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมหลังทราบผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมเฟด ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ เริ่มเห็นปริมาณธุรกรรมฟื้นตัว แต่ต้องใช้เวลานานกว่าความเชื่อมั่นจะกลับมา ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตชะลอลง ความไม่แน่นอนด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น การเติบโตของกําไรตลาดหุ้นจะเป็น K-shape โดยกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ในประเทศจะโตตํ่า ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีจะเติบโตโดดเด่นกว่าจากการลดต้นทุนของบริษัท มุมมองการลงทุน Slightly Negative แนะนำทยอยลดสัดส่วน
ตลาดหุ้นอินเดีย ระยะยาวแนวโน้มเศรษฐกิจยังเติบโตระดับสูง จากโครงสร้างประชากร และชนชั้นกลางที่ยังเติบโตสูง รวมถึงยังได้ประโยชน์จาก China+1 strategy ขณะที่ระยะสั้นได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคในเมือง (Urban) ที่อ่อนแอ การเติบโตของกําไรชะลอตัวลงในปี 2025 จากกลุ่มการเงินที่มีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน แม้ Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียยังอยู่ในโซนแพง มุมมองการลงทุนยังมีความ Slightly Positive แนะนำทยอยสะสมกองทุน B-BHARATA, TISCOINA-A
ตลาดหุ้นเวียดนาม การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงและโดดเด่นกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ภาครัฐบาลมีท่าทีสนับสนุนภาคเอกชนเต็มที่ ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าช่วยหนุนให้ ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) สามารถดําเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายได้มากขึ้น แม้ยังมีความไม่แน่นอนจากการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ กดดัน Sentiment ตลาดหุ้น และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสูง แต่การ Upgrade เข้าสู่ดัชนี EM Market ของ FTSE มีความคืบหน้า และรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ทันในเดือนกันยายน ปี 2025 Valuation ของตลาดหุ้นถูกมาก มุมมองการลงทุน Slightly Positive แนะนำทยอยสะสม PRINCIPAL VNEQ-A
ตลาดหุ้นไทย รัฐบาลเตรียมแผนออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น โครงการของขวัญปีใหม่ 2568 เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย และโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ให้แก่บุคคลธรรมดาและ SMEs การเบิกจ่ายภาครัฐฟื้นตัว รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน และตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 3.4 ล้านล้านบาท การได้ประโยชน์จาก China+1 strategy แม้ตลาดหุ้นถูกกดดันจากแรงเทขาย LTF ที่ครบกําหนด แต่จาก Valuation ยังถูกที่ระดับ -1 S.D. ส่งผลมุมมองการลงทุนอยู่ในระดับ Neutral
นายวศิน กล่าวอีกว่า สำหรับสินทรัพย์ทางเลือก เงินดอลลาร์สหรัฐฯ คาดจะอ่อนค่าลงเช่นเดียวกับช่วง Trump 1.0 ระยะยาวมีสัดส่วนเป็นสกุลเงินสํารองหลักน้อยลง มุมมองการลงทุน Slightly Negative, ทองคํา ธนาคารกลางยังซื้อต่อเนื่อง แรงซื้อ Gold ETF ตาม Real Yield อาจทรงตัว ได้อานิสงส์จากดอลลาร์อ่อนค่า และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) แม้อาจมีแรงขายทํากําไรช่วงจุด all time high มุมมองการลงทุน Slightly Positive ทองคํา แบบ Hedge (ทอง USD) แนะนำทยอยสะสม SCBGOLDH
ส่วนราคานํ้ามัน กลุ่ม OPEC มีอิทธิพลในการควบคุมราคานํ้ามันลดลงหลังสหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ EIA คาด Supply เร่งตัวแรงกว่า Demand ในปี 2025 IEA คาดระยะยาวนํ้ามันมีความต้องการน้อยลง มุมมองการลงทุน Underweight แนะนำทยอยลดสัดส่วน
ขณะที่สินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Cryptocurrency ยังได้รับแรงหนุนจากนโยบายสนับสนุนของ ประธานาธิบดีทรัมป์ Fund flow ของ Bitcoin และ Ethereum Spot ETF เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญในช่วงปลายปี 2024 กองทุนแนะนํา KT-BLOCKCHAIN-A, ASP-DIGIBLOC
ด้านนายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Finnomena Group บอกว่า สำหรับภาพรวมการแนะนำการลงทุนของ Finnomena Funds ในปี 2024 มีคำแนะการการลงทุนทั้งหมด 59 ครั้ง คำแนะนำการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด ประกอบด้วย
1. MEVT Call : PRINCIPAL VNEQ-A NAV (%Change) +20.2%
2. MEVT Call : B-INNOTECH NAV (%Change) +10.1%
3. FundTalk Call : B-INNOTECH NAV (%Change) +10.0%
4. Mr. Messenger Call : B-BHARATA NAV (%Change) +8.6%
5. Mr. Messenger Call : TISCOINA-A NAV (%Change) +7.6%
(ข้อมูล ณ วันที่ 18-20 ธันวาคม 2024)
———————————————————————————————————————————————————–