IPO ปี’66 ขายแค่ 3.7 หมื่นลบ. จังหวะเก็บของถูก กำไรไม่ได้แย่ 

HoonSmart.com>>ในรอบ 11 เดือนของปี 2566 ตลาดหุ้นไทยมีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้าใหม่ ทั้งหมด 37 บริษัท เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) มูลค่ารวม 37,047.16 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ (มาร์เก็ตแคป) ณ ราคา IPO จำนวน 144,000.54 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และยังห่างไกลกว่าปี 2565 ที่มีการเสนอขายมูลค่า 127,835.82 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO สูงถึง 506,545.49 ล้านบาท ของบริษัท 40 แห่ง

ณ วันที่ 24 พ.ย. 2566 มีบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 18 บริษัท มูลค่าเสนอขาย 24,559.76 ล้านบาท มาร์เก็ตแคป ณ ราคา IPO จำนวน  96,952.59 ล้านบาท และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 19 บริษัท มูลค่าเสนอขาย 12,487.40 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO  47,047.95 ล้านบาท

สถานการณ์ตลาดหุ้น IPO ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ยังไปได้สวย แม้ว่าภาวะตลาดโดยรวมไม่ดีก็ตาม บริษัทน้องใหม่พกพาความมั่นใจพร้อมจะเดินหน้าเข้าตลาดหุ้น ท่ามกลางการคาดหวังสูงมาก ของคนในวงการทั้งที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (แกนนำอันเดอร์ไรท์เตอร์) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ราคาหุ้นวันแรกดิ่งลงแรงผิดปกติ และเกิดขึ้นกับหลายตัวติดต่อกัน รวมถึงภาวะตลาดหุ้นโดยรวมทรุดตัวลงแรงต่ำกว่าระดับ 1,400 จุด ล่าสุดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ร่วงมากถึง 16.25% นับจากต้นปี 2566 สวนทางกับตลาดต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ หรือนักลงทุนทั่วไป

ปัจจุบันมีบริษัทบางแห่ง เดินหน้าเสนอขายหุ้นในเดือนธ.ค.นี้  แต่หลายแห่งก็ตัดสินใจเลื่อนการเสนอขายหุ้นออกไป  ด้วยเหตุผลต่างๆนานา ภาวะตลาดไม่เป็นใจ ขายหุ้นยาก ขายไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ  รวมถึงภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจชะลอตัวมากกว่าที่คาด ทำให้กำไรออกมาต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ หรือบางแห่งอาจจะประสบปัญหาขาดทุน จึงต้องเลื่อนแผนเข้าตลาดหุ้นออกไป  โดยมีบริษัทขนาดใหญ่มากกว่าหนึ่งแห่ง เช่น บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน หรือ BRC  ทำให้มูลค่าการระดมทุนในปีนี้น้อยกว่าที่คาดไว้มาก

อย่างไรก็ตาม มีบริษัทหลายแห่งเช่นเดียวกัน ที่ยังคงเดินหน้ายื่นไฟลิ่ง เพื่อขออนุมัติตามตารางเวลา แต่จะขายหุ้นเมื่อพร้อม สามารถเลื่อนไปปี 2567 ก็ยังไม่สายเกินไป สำหรับการระดมทุนเพื่อขยายการลงทุน

ส่วนหุ้นที่เข้ามาซื้อขายในตลาดแล้ว ล่าสุดส่วนใหญ่ราคาต่ำกว่าราคาขาย IPO บางบริษัทหายไปมากกว่า 50% ทั้งที่ผลงานไม่ได้แย่ขนาดนั้น ในทางกลับกันกำไรไตรมาสที่ 3 และรวม 9 เดือนแรก เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ด้วย สะท้อนถึงราคาไม่ได้เคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้นนักลงทุนควรจะอาศัยโอกาสนี้ เลือกหาซื้อหุ้นดีราคาถูกเก็บไว้บ้าง สำหรับการลงทุนระยะปานกลางและระยะยาว