บลจ.กรุงศรี คัดกองทุนเด่นออกกองทุน LTF- RMF ใหม่ 5 กองทุน รับเทศกาลลดหย่อนภาษีส่งท้ายปี เปิดขาย 12-21 พ.ย.นี้
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงที่ผู้ลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนสำหรับการวางแผนเกษียณควบคู่กับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในรูปแบบของการลงทุนผ่านกองทุน LTF – RMF บริษัทจึงเปิดเสนอขายกองทุนใหม่พร้อมกัน 5 กองทุน โดยคัดสรรกองทุนรวมที่มีนโยบายและผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาจัดตั้งเป็นกองทุน LTF-RMF เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีควบคู่ไปกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 12 – 21 พฤศจิกายน 2561
“กองทุน LTF – RMF ใหม่ที่เปิดเสนอขายทั้ง 5 กองทุนประกอบด้วย กองทุน KFLTFDNM-D และกองทุน KFDNMRMF ลงทุนในหุ้นไทยด้วยกลยุทธ์คัดเฉพาะหุ้นศักยภาพสูงจำนวนไม่มากเข้าพอร์ต กองทุน KFAFIXRMF เพิ่มโอกาสสร้างความมั่นคงพร้อมรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กองทุน KFGOODRMF สร้างผลตอบแทนจากการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และกองทุน KFINDIARMF เพิ่มโอกาสการเข้าถึงตลาดหุ้นอินเดียที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง”น.ส.ศิริพร กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวไดนามิค-ปันผล (KFLTFDNM-D) และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิคเพื่อการเลี้ยงชีพ(KFDNMRMF) ใช้กลยุทธ์การลงทุนโมเดลเดียวกับกองทุน KFDYNAMIC ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กรุงศรี ที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในวงกว้าง และได้รับรางวัลกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยม ประเภทกองทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก Morningstar Thailand Fund Awards 2018 โดยกองทุน KFDYNAMIC สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 21.06% ขณะที่ดัชนีชี้วัดที่ 11.34% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 11.04% ดัชนีชี้วัดที่ 6.12% ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 15.69% ดัชนีชี้วัดที่ 12.05% และผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 10.03% ดัชนีชี้วัดที่ 7.06%
ทั้งนี้ กองทุนKFLTFDNM-D และกองทุนKFDNMRMF มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้น 15-20 บริษัทที่คัดสรรแล้วว่ามีปัจจัยพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตสูง โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นหุ้นประเภทใด สามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นปันผล หุ้นเติบโตสูง หุ้นขนาดกลาง-เล็ก” (ที่มา: บลจ.กรุงศรี 28 ก.ย. 61 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต /ข้อมูลรางวัลและการจัดอันดับในข้างต้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนแต่อย่างใด /เอกสารวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน)
น.ส.ศิริพร กล่าวว่า ในส่วนของกองทุนเปิดกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFAFIXRMF) ใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกสามารถลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยสามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้สูงถึง 79%ของ NAV กองทุนมีความยืดหยุ่นสูงผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนในตราสารหนี้แต่ละประเภทให้เหมาะสมตามสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา”
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรีชีวิตดีเว่อร์เพื่อการเลี้ยงชีพ(KFGOODRMF) เป็นกองทุนที่ต่อยอดมาจากกองทุนKFGOOD ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นกัน ทั้งนี้ กองทุน KFGOODRMF มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น, Property fund, REITs และ Infrastructure fund สูงสุดไม่เกิน 50% และไม่มีข้อจำกัดด้านขนาดของหุ้นและประเภทหุ้นที่จะลงทุน มีการปรับสัดส่วนการลงทุนที่ยืดหยุ่นโดยมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนรวมที่ดี ทั้งนี้ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นได้สูงถึง 50% หรือในช่วงที่ตลาดผันผวนก็สามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ได้ตั้งแต่ 50-100% และยังสามารถกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้ต่างประเทศได้อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มทางเลือกในการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศกับกองทุนเปิดกรุงศรีอินเดียอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFINDIARMF) เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากศักยภาพในการเติบโตของตลาดหุ้นอินเดีย ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปฎิรูปของภาครัฐ กองทุนKFINDIARMF มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก First State Indian Subcontinent Fund เน้นลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีระดับราคาที่น่าสนใจ โดยให้น้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรมกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการอุปโภคบริโภค กลุ่มธนาคารชั้นนำ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเติบโตจากภาคการส่งออก เป็นต้น ทั้งนี้ กองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
“ผู้ลงทุนควรพิจารณาลงทุนในกองทุน LTF- RMF ที่มีนโยบายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง และกระจายการลงทุนในกองทุนหลากหลายรูปแบบ หลากหลายนโยบายการลงทุน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมพร้อมเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีจะมีผู้สนใจลงทุนในกองทุน LTF – RMF เป็นจำนวนมาก จึงแนะนำนักลงทุนให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในช่วงวันท้ายๆ ของปี เนื่องจากมีผู้ลงทุนทำรายการจำนวนมาก โดยผู้ลงทุนสามารถใช้ช่องทางการลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ต @ccess online service แทนเพื่อความสะดวก โดยสามารถทำรายการได้ตลอด 24 ชั่วโมง” น.ส.ศิริพร กล่าว