แฉ !!! โปรแกรมเทรดดิ้ง 8 หุ้นร้อนแรง ไอ้โม่งลุย ! หุ้นที่สถาบันไม่เล่น

HoonSmart.com>>ตลาดเปิดข้อมูลหุ้นที่เทรดด้วยชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ (Program Trading) วันแรก 17 พ.ย.66 มูลค่าขายสุทธิ 660.72 ล้านบาท เปิดไส้ในมี 8 หลักทรัพย์ราคาวิ่งแรงมาก  CBG-SISB-COCOCO-WHART-CPNREIT-PR9-JTS-WARRIX คาดฝีมือนักลงทุนรายบุคคล  เพราะหลักทรัพย์ชุดนี้ ไม่ใช่เป้าหมายของสถาบันที่พุ่งเป้าหุ้นใหญ่ สภาพคล่องสูง ติด SET 50 และ 100  ยก”คาราบาวกรุ๊ป”แรงรับ 2 ข่าวดี อดีตเคยฮอตฮิตพุ่งแรงผ่านบล็อกเทรด ส่วน “วอริกซ์ สปอร์ต” (WARRIX) ราคากระโดดก่อนแจ้งมติบอร์ดทุ่ม 70 ล้านบาทซื้อคืน 11 ล้านหุ้น 

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยทุกวัน รายชื่อหลักทรัพย์ที่มีการใช้ Program Trading เข้าข่าย 2 เงื่อนไข คือมูลค่าการซื้อขายตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป และราคาปิดเพิ่มขึ้นหรือลดลง 10% จากวันก่อน นับเป็นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.2566  เพื่อสร้างความเข้าใจกับนักลงทุน และต้องการนำเสนอว่า Program Trading ไม่ใช่ผู้ร้ายในการทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติ

สำหรับวันแรกของการเปิดเผยข้อมูล Program Trading พบว่ามีมูลค่าซื้อ 18,583.47 ล้านบาท และขายจำนวน 19,244.19 ล้านบาท เท่ากับขายสุทธิ -660.72  ล้านบาท สัดส่วนประมาณ 39-41% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด  46,476.64 ล้านบาท

ส่วนหุ้นที่มีเข้าเกณฑ์ในการประกาศรายชื่อ มีจำนวน 8 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป (CBG) บริษัท เอสไอเอสบี (SISB) บริษัท ไทย โคโคนัท (COCOCO) บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART)ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท(CPNREIT) ซึ่งไม่ได้อยู่ใน SET 50 และ 100 สะท้อนว่า ไม่ได้เกิดจากฝีมือของนักลงทุนสถาบันที่เน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีสภาพคล่องสูง  ดังนั้น 8 หุ้นนี้น่าจะเป็นออเดอร์ของนักลงทุนรายบุคคล

นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติ ในเรื่องของราคาปิดด้วย เพราะให้ผลตอบแทนสูงกว่า 5% ถึง 9% ในภาวะตลาดหุ้นโดยรวมเคลื่อนไหวติดลบเกือบทั้งวัน ก่อนปิดบวกเพียง 0.44 จุดหรือ +0.03% เท่านั้น

สำหรับบริษัท คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ปรับตัวขึ้นแรง ปิดที่ 80 บาท เพิ่มขึ้น 5.26% รวมเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 วัน  9 บาทหรือ 12.68% จากระดับ 71 บาทกระโดดเป็น 80 บาท หลังจากประกาศข่าวดี 2 เรื่อง คือ การเปิดตัวเบียร์ 2 แบรนด์ คือ “คาราบาว” และ “ตะวันแดง” ด้วยเงินลงทุน 4,000 ล้านบาท ช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด 10% ด้วยยอดขาย 2 หมื่นล้านบาทในปี 2567 และคณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้ร่วมทุนสัดส่วน 70% กับบริษัท Royal Century Company Limited (CEN)  (สัญชาติเมียนมา) เพื่อจัดตั้งบริษัทเอซีซีวี  (ACCV) ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเมียนมา ทั้งนี้ที่ผ่านมา CBG เคยเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ในการลงทุนบล็อกเทรด ผลักดันราคาขึ้นแรงก่อนจะไหลลงมา

ส่วนบริษัท วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) ราคาไหลลงติดต่อกันหลายวัน ก่อนจะพลิกดีดตัวขึ้นปิดที่ 10.50 บาท +5.53% ในวันที่ 17 พ.ย. 2566  วันเดียวกันกับที่บริษัท แจ้งมติบอร์ดโครงการซื้อหุ้นคืน หลังตลาดปิด คือเวลา 18.14 น.

โดยนายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WARRIK แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีการประชุมวันที่ 17 พ.ย. มีมติอนุมัติให้ใช้เงินจำนวน 70 ล้านบาท เปิดโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 11 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.83% วันที่ 21 พ.ย. 2566 ถึงวันที่ 20 พ.ค. 2567 ใช้แหล่งเงินทุนมาจากเงินสดจากการดำเนินงาน และสภาพคล่องส่วนเกินจากกำไรสะสม ไม่ใช่จากเงิน IPO

สำหรับเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ซึ่งมียอดคงเหลือ ณ วันที่ 30  มิ.ย.2566 จ านวน 426.74 ล้านบาท ถูกเก็บไว้ในรูปแบบเงินฝากธนาคาร ไม่มีภาระผูกพัน ซึ่งบริษัทฯจะใช้ลงทุนในโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์ การกีฬาและสำนักงาน บริเวณถนนพระราม 9  จำนวน  50 ล้านบาท และใช้    เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 376.74 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ ปี 2020 ผู้บริหารระดับสูงจากตลาดหลักทรัพย์  ยอมรับว่า มีการทำ Naked Short ซึ่งตลาดไม่สามารถห้ามได้ เพราะนักลงทุนต่างชาติ ฝากหุ้นไว้กับคัสโตเดียน และการมีเอ็นวีดีอาร์  ขณะที่นักลงทุนไทย เก็บหุ้นไว้ที่โบรกเกอร์ วิธีการของนักลงทุนไทยกับต่างชาติ จึงไม่เท่าเทียมกัน วิธีที่ตลาดหลักทรัพย์ทำได้กับต่างชาติ แค่ขอให้ส่งข้อมูลให้ครบ ทำให้โบรกเกอร์ทำงานยากขึ้น  การอ้างว่ามีหุ้นอยู่ในคัสโตเดียนที่ต่างประเทศ กว่าจะตรวจสอบได้ยาก  มีการขายหุ้นออกไปแล้ว จึงไม่มีวันห้ามการทำเน็กเก็ตชอร์ตได้  สิ่งที่ทำให้คือ การปล่อยให้มีการทำเน็กเก็ตชอร์ต อย่างเท่าเทียมกัน จะเห็นว่า ที่ผ่านมามีการลงโทษ แต่ไปไม่ถึงนักลงทุนต่างชาติ  ลงโทษได้แค่โบรกเกอร์ 2-3 รายเท่านั้น