UOBAM เจาะ 7 เทร็นด์ ESG มาแรง เทร็นด์ความยั่งยืนแห่งอนาคตที่คุณไม่ควรพลาด

โดย….บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย)

ถ้าคุณบอกว่า ESG คือเรื่องของต้นไม้ และ CSR คุณกำลังหลงเทร็นด์ และกำลังตกขบวนแบบไม่รู้ตัว…

ESG คือเรื่องรอบตัวตั้งแต่อากาศที่เราหายใจ ไปจนถึงที่ดินที่เราเดินกันอยู่ทุกวัน หรือแม้แต่วิธีการทำงานขององค์กรที่เราร่วมงานอยู่ด้วยก็เช่นเดียวกัน และ ESG ที่ใกล้ตัวเรามาก ๆ นี้กำลังเติบโตไปไกลมากขึ้นไปอีก

มาลองดู 7 เทร็นด์เกี่ยวกับ ESG ที่อยากให้ทุกคนได้มาลองวิเคราะห์ไปด้วยกัน

1. ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่

ต่อไปเราพบว่า ‘fast fashion’ จะไม่ใช่เรื่องที่เจ๋งอีกต่อไป…คนยุคใหม่หันมาสนใจผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะคนกลุ่ม Millennials และ Gen Z จะใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ

2. ธุรกิจที่ไม่ไปตามเทร็นด์ ESG จะต้องเจอกับคลื่นต่อต้านลูกใหญ่

ต่อเนื่องมาจากข้อแรกที่คนเริ่มหันมาสนผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้นถ้าเราเป็นแบรนด์ที่สร้างผลกระทบกับสังคม และสิ่งแวดล้อมก็ต้องเตรียมรับแรงกระแทกให้ดี ต่อไปเราจะเห็น #ClimateEmergency กลุ่มคนที่จะมาขับเคลื่อนให้องค์กรรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และจะไม่ยอมให้กับใครก็ตามที่ทำลายมัน

3. Work from home จะกลายเป็นความปกติของทุกสายอาชีพ

เราพบว่าการทำงานระยะไกลยังมีประโยชน์มากต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้คน การที่คนทำงานจากที่บ้านก็ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากการที่คนใช้รถบนท้องถนน

น้อยลง ตัวออฟฟิศเองก็ใช้พลังงานลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งการเดินทางให้น้อยลงเป็นวิธีที่ง่ายและถูกที่สุดสำหรับคน และองค์กรที่ต้องการจะลดเรื่องของคาร์บอนฟุตพรินต์

4. Circularity จะกลายเป็นส่วนประกอบหลักของ product lifecycle management (PLM)

ภายในปี 2026 ทาง IDC ระบุว่า Circularity หรือการหมุนเวียนที่จะเข้าไปอยู่ในทุกวงจรของผลิตภัณฑ์ เน้นการลดของเสียและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีแนวโน้มว่า 60% ขององค์กรในเอเชียแปซิฟิก จะให้ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอที และพันธมิตรต่าง ๆ แสดงข้อมูลกระบวนการด้านความยั่งยืนแบบครบวงจรนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

5. ‘Climate positive’ จะกลายเป็นยุคใหม่ของ ‘Net Zero’

Net Zero จะถูกแซงหน้าโดย ‘Climate Positivity’ หรือสภาพอากาศเชิงบวก คือการที่เราสามารถกำจัดมลพิษทางอากาศออกไป ได้มากกว่าที่มลพิษที่เราปล่อยออกมา

6. องค์กรจะเริ่มเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่ตัวเองต้องรับผิดชอบมากขึ้น

เราอาจจะเริ่มเห็นรายงานเกี่ยวกับ ESG ในองค์กรใหญ่ ๆ บ้างแล้ว แต่ต่อไปทั้งองค์กรขนาดเล็ก และใหญ่จะต้องเริ่มทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และต้องเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่แต่ละองค์กรต้องรับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยทำให้องค์กรมีความน่าเชื่อถือ ดึงดูดความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้มากขึ้นด้วย

7. บอกลา ‘Greenwashing’ พูดไปเรื่อย แต่ทำไม่ได้จริง

Greenwashing คือการแอบอ้างว่าตัวเองนั้นมีภาพลักษณ์ที่ดีเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ของเรานั้นมีความยั่งยืน แต่ผลลัพธ์จริง ๆ ที่ออกมา อาจไม่ได้ช่วยลดหรือช่วยเหลืออะไรเลยก็ได้ ซึ่งรวมถึงการทำรายงานเกินจริงจากสิ่งที่ทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน องค์กรหรือคนกลุ่มนี้ไม่ได้มองเรื่องของความยั่งยืนทั่วโลกเป็นสำคัญ แต่จะมองที่ผลกำไรที่จะกอบโกยจากความเชื่อของกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจเรื่องของความยั่งยืนอยู่นั่นเอง

ทั้ง 7 เทร็นด์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแนวโน้มเกี่ยวกับ ESG ที่น่าจะใกล้ตัวเรามากขึ้น เห็นภาพชัดมากขึ้น ถ้าเราแตกแขนงออกไปในแต่ละ E, S, G ก็จะได้เห็นภาพอนาคตที่กว้างมากขึ้นไปอีก จะเห็นได้เลยว่าเทร็นด์ ESG ที่จะถูกให้ความสำคัญหลังจากนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องต้นไม้ พื้นที่สีเขียว หรือความเข้าใจผิด ๆ ในการทำ CSR

แต่เทร็นด์เหล่านี้กำลังจะตีกรอบคำว่า ESG ให้คม และชัดมากขึ้น อะไรที่เราเคยมองว่าไกลความจริงแล้วสิ่งนี้ใกล้ตัวเรามาก ๆ แม้เทร็นด์ และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จะขยับไปเร็วแค่ไหน แต่เรื่องของ ESG ก็ไม่ได้วิ่งไปไกลกว่าสิ่งรอบตัวเราเลย

แล้วมาจับตาเทร็นด์อนาคตเรื่องนี้ไปพร้อมกัน…