“มอร์นิ่งสตาร์” ชี้เป้าลงทุนปี 68 อยู่นอกสหรัฐ ชู “หุ้นยุโรป-อังกฤษ”ไซส์เล็กเด่นสุด

HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช” มองปี 68 โอกาสลงทุนอยู่ “นอกตลาดสหรัฐ” หลังกระแส AI หนุนปีนี้หุ้นสหรัฐพุ่งแรงกว่า 25% เหนือตลาดหุ้นทั่วโลก มองบวก “หุ้นจีน” ในระยะกลาง รอดูพัฒนาการทางเศรษฐกิจจีน ยก “ตลาดหุ้นยุโรป-อังกฤษ” น่าสนใจมากสุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ชี้ “หุ้นขนาดเล็ก” ราคาซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงเกือบ 40% ด้าน “พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ” ยังให้ผลตอบแทนน่าสนใจ รับดอกเบี้ยลดลง ช่วยกระจายเสี่ยงช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ

Morningstar เปิดเผยมุมมองการลงทุนในปี 2568 ว่า หลังจาก “ตลาดหุ้นสหรัฐ” ปรับตัวขึ้นมามากแล้วในปี 2567 ซึ่งขึ้นได้ดีเหนือกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ จนปัจจุบันมีมูลค่าแพงกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น โดยตลาดหุ้นสหรัฐปีนี้ปรับขึ้นแล้วกว่า 25% ซึ่งมีผลมาจากการปรับขึ้นของหุ้นที่อิงกระแส AI และความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงมองโอกาสการลงทุนในปี 2568 ให้เน้นไปที่ภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่มี ทั้งนี้จากการประเมินของ Morningstar คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะให้ผลตอบแทนไม่ถึง 10% ขณะที่ตลาดอื่นๆ มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ามากในอนาคต

ด้านมุมมองต่อ “ตลาดหุ้นจีน” ในระยะกลางยังเป็นบวก แม้ที่ผ่านมาสถานการณ์จะย่ำแย่และอนาคตยังดูไม่ดีขึ้น แต่ความพยายามจากภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็คาดว่าจะทำให้เห็นภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ “ตลาดยุโรปและอังกฤษ” น่าสนใจที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดยหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็ก (Small-cap) คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ (Large-cap) เนื่องจากปัจจุบันหุ้นขนาดเล็กซื้อขายในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นเกือบ 40%

อย่างไรก็ตามแม้ภาพเศรษฐกิจและการเมืองจะสร้างความกังวลให้กับ “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging markets) แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่สามารถรองรับความผันผวนในระยะสั้นได้นั้นถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนในช่วงนี้ที่ตลาดมีความผันผวนสูง เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

“Morningstar แนะนำลองหากองทุนที่มีน้ำหนักการลงทุนในหุ้นนอกตลาดสหรัฐมากขึ้น นอกเหนือจากการให้น้ำหนักที่มากเกินไปในตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ดีไม่ได้แปลว่าให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นสหรัฐไปเลย แต่ให้ลองมองหุ้นที่ราคายังไม่ได้ปรับขึ้นเยอะเพื่อลงทุนไว้ได้ นอกจากนี้ยังคงให้รอดูพัฒนาการทางเศรษฐกิจของจีน เพราะอาจทำให้ตลาดหุ้นจีนกลับมาเป็นที่นิยมได้ รวมถึงลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ”

สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อและดอกเบี้ยอยู่ในขาลง ซึ่งนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ Morningstar คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐจะปรับลดลงจากปัจจุบัน 5.25%-5.50% เหลือ 4.25%-4.50% ในสิ้นปีนี้ และเหลือ 3.00%-3.25% ในช่วงสิ้นปี 2568 และ 2.00%-2.25% ช่วงสิ้นปี 2569 ซึ่งสะท้อนมายังอัตราผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารว่ามีแนวโน้มปรับลดลงด้วยเช่นกัน

สำหรับนักลงทุนระยะยาว แนะนำให้น้ำหนักการลงทุนใน “ตราสารหนี้ระยะยาว” มากขึ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามภาพดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้าเรายังคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.3% “พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว” จึงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจได้มากกว่า “การถือเงินสด หรือ ฝากเงินไว้ในธนาคาร” ขณะที่ “ตราสารหนี้เอกชน” ให้ผลตอบแทนได้ไม่มากพอเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่มี ซึ่งวัดได้จากส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนระหว่างตราสารหนี้เอกชนกับตราสารภาครัฐที่อยู่ในอันดับใกล้เคียงกัน ซึ่งจากข้อมูลในอดีตเชื่อว่าภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีความคาดหวังผลตอบแทนที่จะเพิ่มขึ้นนั้นมีไม่มาก

นักลงทุนจึงควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน “ตราสารหนี้ที่มีอายุยาว” มากขึ้น เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และลงทุนไปในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่มากขึ้นเพื่อกระจายการลงทุนและเพิ่มผลตอบแทน

ขณะที่อุตสาหกรรมการเงินในปัจจุบันได้เน้นไปที่ “การลงทุนโดยตรง” ในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Private Assets) มากขึ้น ซึ่งการลงทุนในรูปแบบนี้เริ่มเผชิญความท้าทายที่มากยิ่งขึ้น กองทุนที่ลงทุนยังให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ไม่ดีมากนัก

ทั้งนี้ในแง่ความเหมาะสมของการลงทุนใน Private Assets พบว่ากองทุนประเภทบำเหน็จบำนาญในออสเตรเลียมักจะมีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้อยู่มาก เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาวและสภาพคล่องของกองทุนมีความเหมาะสมที่จะลงทุน นักลงทุนจึงควรให้ความสำคัญต่อความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและข้อจำกัดในการลงทุน ทั้งนี้กองทุนที่มีการนำ Private Assets เข้ามาลงทุนเพิ่มร่วมกับการลงทุนในสินทรัพย์ปกติก็อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องมากขึ้น

สำหรับผลกระทบของ AI ต่อการลงทุนในปี 2568 หลังจาก Nvidia ได้ทำการลงทุนในธุรกิจนี้กว่า 1 หมื่นล้านดอลาร์สหรัฐเพื่อสร้างขีดความสามารถและกำลังการผลิต ทำให้เราคาดว่าในปี 2568 จะมีปริมาณการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI มารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและรองรับวิวัฒนาการของ AI ที่จะเริ่มต้นจากนี้ไปและถัดไปจากนี้ภาคธุรกิจต่างๆจะเริ่มนำระบบ AI เข้ามาในสินค้าและบริการของตัวเองเพื่อขับเคลื่อนรายได้และกำไรให้เติบโต และยังช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันและยกระดับผลตอบแทนให้กับกิจการในอนาคตได้อีกด้วย

“นักวิเคราะห์ของ Morningstar ยังคงให้ความระมัดระวังในการลงทุนหุ้นสหรัฐในบางกลุ่ม และเห็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นนอกประเทศสหรัฐ การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลนับเป็นการช่วยกระจายสินทรัพย์ลงทุนและยังให้ผลตอบแทนที่ดีในภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ยังแนะนำว่านักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกในการลงทุนที่มากไปจากผลการเลือกตั้งสหรัฐล่าสุดซึ่งเป็นปัจจัยระยะสั้นเท่านั้น”

 
 
———————————————————————————————————————————————————–