HoonSmart.com>>ประเทศไทยรวมพลังช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย บ้าน เช่าซื้อรถยนต์-จักรยานยนต์ SMEs ขนาดเล็ก ครม. อนุมัติมาตรการผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เวลา 3 ปี ธนาคารพาณิชย์-บริษัทลูก ดูแล 1.5 ล้านบัญชี หนี้กว่า 4 แสนล้านบาท แลกลดส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูฯเหลือ 0.23% ส่วนแบงก์รัฐ อุ้ม 6 แสนบัญชี กว่า 4.5 แสนล้าน อนุมัติงบ 38,920 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาท อัดฉีดซอฟท์โลนให้นอนแบงก์ผ่านออมสิน เปิดลงทะเบียน 12 ธ.ค.67-28 ก.พ.68 เงื่อนไขหนี้ก่อน 1 ม.ค.67
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 ธ.ค.2567 ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการแก้หนี้ลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางอื่น ๆ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามที่กระทรวงคลังเสนอ เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมในการรักษาบ้าน รถยนต์ สถานประกอบการ ด้วยการยกเว้นดอกเบี้ย ตัดเงินต้น เพื่อให้คนไทยที่เป็นหนี้ลืมตาอ้าปากได้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง รายงานต่อ ครม.ว่า จากการสรุปผลประชุมของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.2567 มีมติเห็นชอบแนวทางและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน โดยกระทรวงการคลัง ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สภาพัฒน์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ครั้งนี้ มีแนวทางการแก้ไขหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ดังนี้
1. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ประกอบด้วย
(1) มาตรการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดภาระดอกเบี้ยโดยการเน้นตัดต้นเงินลูกหนี้และประเภทสินเชื่อ 3 ประเภท (สัญญาสินเชื่อที่ทำขึ้นก่อนวันที่ 1 ม.ค.2567) ประเภทสินเชื่อ วงเงินรวมต่อสถาบันการเงินเช่น 1. สินเชื่อบ้าน/สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน ไม่เกิน 5 ล้านบาท
(2) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และ/หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ไม่เกิน 800,000 บาท สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และ/หรือสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ไม่เกิน 500,000 บาท
(3) สินเชื่อธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีสถานะเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลไม่เกิน 5 ล้านบาท
รูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไข เช่น ลดภาระการผ่อนชำค่างวด ระยะเวลา 3 ปี โดยในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ชำระค่างวด 50%, 70% และ 90% ตามลำดับตามค่างวดที่ชำระจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด เพื่อให้ลูกหนี้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้นและดอกเบี้ยจะพักการชำระไว้ในช่วงระยะเวลามาตรการ
ในบ่ายวันเดียวกัน นายพิชัยนำทีมแถลงรายละเอียดของโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชน ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยดูแลความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ภาครัฐและเอกชนจึงร่วมกันออกโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็ก ครอบคลุมลูกหนี้รวมจำนวน 2.1 ล้านบัญชี เป็นลูกหนี้ 1.9 ล้านราย และมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การแก้หนี้ที่ยั่งยืนต้องควบคู่ไปกับการเพิ่มทักษะ (upskill/reskill) และเสริมสร้างรายได้ให้กับลูกหนี้ ซึ่งเป็นอีกด้านที่รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาและยกระดับรายได้ของครัวเรือนให้ดียิ่งขึ้น โดยมีกลไกการส่งเสริมวินัยทางการเงินควบคู่ไปกับการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการเสียวินัยในการชำระหนี้ (moral hazard)
” โครงการนี้เกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ช่วยโดยสุจริตใจว่า มีความตั้งใจแก้หนี้ นับเป็นจุดที่ดี เป็นจิ๊กซอตัวหนึ่งที่จะให้ภาครัฐเดินไป มีโอกาสสำเร็จ ในเรื่องเศรษฐกิจ เลือกธุรกิจ และทางที่ดี งานดีและคนดี มีแหล่งเงินทุนที่ดีให้ชาติเจริญแน่นอน ส่วนกลุ่มนอนแบงก์ มีเงินกู้ไม่เยอะที่มีหลักหมื่นบาท หลักแสนบาทคาดว่าจะได้ข้อยุติในเร็ววัน” นายพิชัยกล่าว
ด้านนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า โครงการนี้มี 2 จุดสำคัญที่ต่างจากโครงการที่ผ่านมา คือ (1) การปรับโครงสร้างหนี้ที่เน้นตัดเงินต้น และลดภาระผ่อนในช่วง 3 ปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ (2) การร่วมสมทบเงิน (Co-payment) จากภาครัฐและสถาบันการเงินเพื่อช่วยลดภาระจ่ายของลูกหนี้ โครงการนี้สะท้อนความตั้งใจของทุกฝ่าย โดย “คุณสู้” สะท้อนถึงลูกหนี้ที่พร้อมจะสู้ต่อในการแก้ไขปัญหาหนี้ ส่วน “เราช่วย” คือ ภาครัฐและสถาบันการเงินที่พร้อมช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อลดภาระและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ความสำเร็จของโครงการนี้ จึงถือเป็นความร่วมมือจากทั้งลูกหนี้ ภาครัฐ และเจ้าหนี้ ในการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน”
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก คาดว่าจะสามารถให้การช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงบริษัทลูกในกลุ่มได้ราว 1.5 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้กว่า 4 แสนล้านบาท โดยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบอย่างเป็นธรรม กระตุกพลังในการปรับโครงสร้าง เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีโอกาสรอดให้สามารถฟื้นตัวกลับมาชำระหนี้ได้ และกลับเข้าสู่ระบบ และยังมีการออกแบบกลไกการส่งเสริมวินัยทางการเงินควบคู่กับการป้องกันไม่ให้ลูกหนี้เสียวินัยในการชำระหนี้ด้วย
นอกจากนี้สถาบันการเงินของรัฐอยู่ระหว่างการหารือกับ ธปท. และกระทรวงการคลัง ในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ลูกหนี้ของกลุ่ม นอนแบงก์ รวมถึงการพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เพื่อส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งจะไม่ทับซ้อนกับกลุ่มลูกหนี้ของโครงการนี้
———————————————————————————————————————————————————–

