IRPC โชว์ Q3 พลิกเป็นกำไร 2.4 พันลบ. ราคาน้ำมันขึ้นหนุน

HoonSmart.com>>” ไออาร์พีซี”(IRPC) โชว์ผลงานไตรมาส 3/66 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 2,439 ล้านบาท จากไตรมาส 2/66 ที่ขาดทุน 2,246 ล้านบาท รายได้จากการขายสุทธิ 77,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 2/66 หลัก ๆ จากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ทั้งนี้ บันทึกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิ 3,566 ล้านบาท สำหรับ 9 เดือนปี 66 มีรายได้จากการขายสุทธิ 223,779 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปี 65 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยลดลง 23% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 8%

บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 2,439 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.12 บาท เพิ่มขึ้น 209% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/66 ที่ขาดทุนสุทธิ 2,246 ล้านบาท โดยไตรมาส 3/66 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 77,264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,509 ล้านบาท หรือ 9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/66 โดยมีสาเหตุหลักจากราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณขายลดลง 5% สำหรับโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 187,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 4% บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 5,373 ล้านบาท หรือ 8.87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 29% เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซล

สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 3/66 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/66 ที่ราคาเฉลี่ย 77.78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็น 86.74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยมีสาเหตุหลักจากกลุ่มโอเปกและพันธมิตรประกาศขยายเวลาการลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 67 ประกอบกับซาอุดิอาระเบียประกาศคงมาตรการลดการผลิตโดยสมัครใจจนถึงสิ้นปี 66 ถึงแม้ว่า มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยและวิกฤตภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจีน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการบันทึกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิ(Net Inventory Gain) รวม 3,566 ล้านบาท หรือ 5.89 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ประกอบด้วยกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 3,807 ล้านบาท หรือ 6.28 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และการกลับรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่ได้รับ (กลับรายการ NRV) 132 ล้านบาท หรือ 0.22 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ขณะที่ ขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่เกิดขึ้นจริง (Realized Loss from Oil Hedging) 373 ล้านบาท หรือ 0.61 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM)จำนวน 8,939 ล้านบาท หรือ 14.76 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 5,732 ล้านบาท หรือ 9.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานมีจำนวน 3,059 ล้านบาท ลดลง 3% ค่าใช้จ่ายดำเนินงานทำให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 5,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,770 ล้านบาท ในไตรมาส 3/66 บริษัทฯ ขาดทุนจากการทำสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน 106 ล้านบาท ลดลง 42% และในไตรมาส 3/66 มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ จำนวน 75 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลง โดยค่าเงินบาทจากสิ้นไตรมาส 2/66 ปิดที่ 35.75 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ มาปิดที่ 36.72 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ บันทึกภาษีเงินได้จำนวน 598 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/66 ที่บันทึกเครดิตภาษีเงินได้ จำนวน 580 ล้านบาท

สำหรับ 9 เดือนปี 66 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิ 223,779 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนปี 65 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยลดลง 23% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 8% โดยโรงกลั่นน้ำมันมีอัตราการกลั่นอยู่ที่ 192,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 1% บริษัทฯ มี Market GIM อยู่ที่ 16,625 ล้านบาท หรือ 9.14 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 21% เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงมากกว่าการลดลงของต้นทุน Crude Premium สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างมากจากความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย ทำให้บริษัทฯ บันทึก Net Inventory Gain รวม 863 ล้านบาท หรือ 0.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับ 9 เดือนปี 65 เพิ่มขึ้น 84% ซึ่ง Net Inventory Gain ใน 9 เดือนปี 66 ประกอบด้วยขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 1,024 ล้านบาท หรือ 0.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่เกิดขึ้นจริง (Realized Loss from Oil Hedging) 281 ล้านบาท หรือ 0.15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่การกลับรายการ NRV 2,168 ล้านบาท หรือ 1.19 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้บริษัทฯ มี Accounting GIM จำนวน 17,488 ล้านบาท หรือ 9.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 4,132 ล้านบาท หรือลดลง 2.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ค่าใช้จ่ายดำเนินงานจำนวน 9,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายพนักงาน ส่งผลให้บริษัทฯมี EBITDA 8,010 ล้านบาท ลดลง 3,813 ล้านบาท หรือลดลง 32% บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินสุทธิจำนวน 1,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มจากเงินกู้ยืมระยะสั้นและยาวและหุ้นกู้ตามสัญญาใหม่ ขณะที่มีขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงน้ำมันที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Loss from Oil Hedging)จำนวน 16 ล้านบาท ลดลง 98% และมีกำไรจากการด้อยค่าและตัดจำหน่ายทรัพย์สินจำนวน 825 ล้านบาท จากการกลับรายการด้วยค่าพัสดุคงคลัง เพิ่มขึ้น 826 ล้านบาท เมื่อบริษัทฯ บันทึกภาษีเงินได้จำนวน 88 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 66 มีกำไรสุทธิ 494 ล้านบาท ลดลง 82% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนปี 65

ณ วันที่ 30 ก.ย. 66 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 195,629 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 116,094 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 79,535 ล้านบาท