BTS คาดงบปี’68 D/E เหลือ 1.34 เท่า รายได้ MATCH แตะ 20%-30%

HoonSmart.com>>บีทีเอส กรุ๊ปคาดปีงบประมาณ 67/68 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากกว่า 25,000 ล้านบาท หนี้สินต่อทุนเหลือ 1.34 เท่า รายได้จากธุรกิจ MATCH เพิ่มเป็น 20%-30% ของรายได้รวม

นายดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน ได้กล่าวในงานสัมมนา“ถอดรหัสหุ้น ESG เด่น…กำไรแกร่ง ชนะตลาด!” จัดโดยหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ ถือเป็น “หุ้นที่มีมูลค่า” (Value Stock) โดยราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ที่ 5.5 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 14.2 บาทในเดือนธันวาคม 2562 อย่างมีนัยสำคัญ แม้โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู และสายสีเหลือง ที่เพิ่งเปิดให้บริการคาดว่าจะส่งผลขาดทุนประมาณ 1,800 ล้านบาทในปีนี้แต่โครงการดังกล่าวยังคงสร้างกระแสเงินสดเป็นบวกจากเงินอุดหนุนประจำปีที่ได้รับจากรัฐบาลมูลค่า 4,800 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การขาดทุนและภาระหนี้จะลดลง เมื่อจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งหากรัฐบาลสามารถดำเนินการซื้อคืนสัมปทาน และกำหนดเพดานค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้ภายในเดือนกันยายน 2568 แล้วนั้นจะเป็นการช่วยให้บีทีเอส กรุ๊ปฯ สามารถกลับมาทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ บีทีเอส กรุ๊ปฯ พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดเพดานค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยนโยบายดังกล่าวนั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ เพิ่มการเปลี่ยนรูปแบบในการเดินทางจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวสู่ระบบราง เพื่อเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย รวมถึงลดปัญหาการจราจร และมลพิษทางอากาศ PM2.5

สำหรับปีงบประมาณ 2567/68 นั้นบีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้คาดการณ์กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากกว่า 25,000 ล้านบาท โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการชำระหนี้คงค้างค่าเดินรถ (คดีแรก) จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งครบกำหนดชำระภายในวันที่ 22 มกราคม 2568 ตามคำพิพากษาตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กร โดยการเพิ่มทุนทั้งในบีทีเอส กรุ๊ปฯ และบริษัท วีจีไอ (VGI) เพื่อช่วยเสริมฐานทุน และลดภาระหนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคต เช่น ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ (RABBIT) หรือ และบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (ROCTEC) จะช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคตนำมาสู่รายได้ภายใต้ธุรกิจ MATCH ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 – 30% ของรายได้รวมของบริษัทฯ ในปีงบประมาณถัดไป

ทั้งนี้บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้ให้ความสำคัญกับแผนการลดหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปีนี้บริษัทฯ มีหนี้สุทธิ 166,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 100,000 ล้านบาท จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Adjusted net D/E) จาก 2.36 เท่า เหลือเพียง 1.34 เท่า หลังจากการเพิ่มทุนและได้รับการชำระหนี้คงค้างทั้งหมดจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบัน VGI และ ROCTEC ปลอดหนี้แล้ว อีกทั้ง RABBIT มีแผนขายสินทรัพย์มูลค่า 16,000 ล้านบาท

นายดาเนียล กล่าวว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทขนส่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลก จาก DJSI และในปีนี้บริษัทฯ ได้ประกาศเจตนารมย์เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัท Net Zero ภายในปี 2593 ซึ่งมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับกรอบ Science Based Targets Initiative (SBTi) เป็นแผนปฏิบัติการของบริษัทฯ ที่ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการบริหารในเดือนมีนาคม 2567

 
 
———————————————————————————————————————————————————–