KEX ไตรมาส 3/66 ขาดทุน 890 ลบ. หวังปี 67 พลิกกลับมากำไร

HoonSmart.com>> “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” (ประเทศไทย) หรือ KEX เปิดงบไตรมาส 3/66 ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 890 ล้านบาท จากงวดปีก่อนขาดทุน 675 ล้านบาท ด้าน 9 เดือน ขาดทุนพุ่งแตะ 2,725 ล้านบาท เดินหน้าตามแผน พร้อมเจาะเพิ่มกลุ่มผู้ใช้บริการที่มียอดใช้จ่ายต่อพัสดุสูง คุมต้นทุนมีประสิทธิภาพ หวังพลิกกลับมากำไรปี 67

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 889.86 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.5107 บาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 31.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 674.64 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.3872 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 2,725.09 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.5638 บาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,898.09 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.0892 บาท

บริษัทฯ ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 2,896.6 ล้านบาท ลดลง 31.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและงวด 9 เดือนอยู่ที่ 8,950.5 ล้านบาท ลดลง 30.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ต้นทุนขายและการให้บริการอยู่ที่ 3,571.7 ล้านบาท ลดลง 23.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและลดลง 6.4% จากไตรมาสก่อนหน้า

ผลขาดทุนในไตรมาส 3 ปี 2566 เมื่อเทียบไตรมาส 2 ปี 2566 ขาดทุนลดลง 15.1% จาก 1,047.7 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจัดส่งพัสดุในไตรมาส 3/2566 ปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของปริมาณการจัดส่งจากแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อันเนื่องมาจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในช่วงปลายไตรมาส 3/2566

ทั้งนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการขยายตลาดและเพิ่มผู้ใช้บริการใหม่ที่มีศักยภาพเพื่อทดแทนปริมาณการขนส่งที่ลดลงจาก แพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้บริษัทฯมีรายได้คงที่่ในไตรมาส 3/2566 สาเหตุหลักจากกลยุทธ์ควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงเครือข่ายการดำเนินงาน ติดตั้งเครื่องจักรอัตโนมัติและนำข้อมูลต่างๆเข้าสู่ระบบดิจิทัล ร่วมกับการยกระดับเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มและระบบที่ใช้ในการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทได้เริ่มขั้นตอนการทั้งหมดตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

สำหรับสัดส่วนรายได้จากผู้ใช้บริการประเภท C2C ต่อรายได้รวมอยู่ที่ 45% ในไตรมาส 3/2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 4/2566 ตามแผนของบริษัทในการคงจำนวนสาขาแฟรนไชส์ และจุดให้บริการรายย่อย (RTSP) ที่มีศักยภาพเท่านั้น บริษัทยังมีแผนเพิ่มกลุ่มผู้ใช้บริการที่มียอดใช้จ่ายต่อพัสดุสูง (ได้แก่ ผู้ใช้บริการประเภท C2C องค์กร ผู้ใช้บริการส่งพัสดุระหว่างประเทศ และผู้ใช้บริการขนส่งสินค้าภายในงานมหกรรมต่าง ๆ) เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ของผู้ใช้บริการประเภท C2C ให้สูงขึ้น ขณะที่ยังให้ความสำคัญกับการรักษาตำแหน่งผู้ให้บริการส่งพัสดุด่วนที่ดีแก่ผู้ให้บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

ในไตรมาส 3/2566 บริษัทได้เริ่มติดตั้งระบบคัดแยกพัสดุอัตโนมัติเพื่อประยุกต์ใช้ในศูนย์คัดแยกพัสดุของบริษัทในบางภูมิภาค หลังจากที่มีการทดลองโครงการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้บริษัทได้ปิดศูนย์คัดแยกพัสดุบางส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกพัสดุตามแผนการปรับปรุงพัฒนาเครือข่ายและระบบปฏิบัติการซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของต้นทุนคงที่ และต้นทุนผันแปรจากค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่และค่าใช้จ่ายพนักงานในศูนย์คัดแยกพัสดุลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัทได้เริ่มประยุกต์การให้บริการรับและส่งพัสดุที่สามารถดึงศักยภาพในการดำเนินงานของพนักงานขนส่งพัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป

ขณะที่แผนการลงทุนของบริษัทยังเป็นไปตามเป้าหมายและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้ถือหุ้นหลักทั้งในด้านการเงินและด้านการปฏิบัติงาน ซึ่งบริษัทยังคงดำเนินแผนการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อลดการขาดทุนจากการดำเนินงาน และเสริมสร้างการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพอันโดดเด่นเพื่อให้ผลการดำเนินงานกลับมามีกำไรอีกครั้งภายในปี 2567 เนื่องจากเครือข่ายพัสดุส่งด่วนที่มีคุณภาพจำเป็นต้องมีระบบที่ล้ำหน้ารวมถึงอุปกรณ์และความชำนาญในด้านเทคโนโลยี บริษัทจึงปรับปรุงกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นเป้าหมายในการสร้างกำไรที่แข็งแกร่งควบคู่ไปกับคุณภาพที่ยอดเยี่ยม

สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าเพื่อให้ได้รับการยอมรับในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งพัสดุด่วนครบวงจร โดยใช้การปรับใช้กลยุทธ์แบ่งส่วนระดับตลาดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการสร้างรายได้ต่อพัสดุที่สูงขึ้น โดยมุ่งเน้นที่ผู้ใช้บริการประเภท C-end องค์กรอุตสาหกรรม บริการส่งพัสดุระหว่างประเทศ และผู้ใช้บริการในตลาดอื่นๆ ได้แก่ บริการจัดส่งผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากทะเล สินค้ำหัตถกรรมลูกค้ำในงานมหกรรม โดย มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการระดับกลาง ถึง สูง และสร้างบริการอันเป็นเลิศเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการ

นอกจากนี้สำหรับช่องทางให้บริการผู้ใช้บริการรายย่อย บริษัทได้ขยายสาขาร้านค้าของบริษัท และจุดให้บริการในศูนย์คัดแยกพัสดุ (DCSP) เพื่อรองรับความต้องการจัดส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้ำประเภท C-end โดยแผนการขยายจุดให้บริการของบริษัทได้ผ่านการประเมินทั้งมุมมองด้านรายได้และต้นทุนอย่างละเอียดเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณการจัดส่งและความต้องการของผู้ใช้บริการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ในส่วนของการปฏิบัติงานบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการยกระดับเครือข่ายและระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการปรับปรุงผลกำไรโดยปรับการดำเนินงาน และกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสม รวมถึงการปรับปรุงให้บริษัทมีจำนวนต้นทุนที่ต่ำที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทในระยะยาวสอดคล้องกับแนวทางของ เอสเอฟ เอ็กซ์เพรส ที่ดำเนินอยู่ในประเทศจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้