หุ้นโค้งสุดท้ายปี 67 ประคองตัวก่อนฟื้นปีหน้า ธีมท่องเที่ยว-Data Center เด่น

HoonSmart.com>>4 โบรกเกอร์ส่องหุ้นไทยโค้งสุดท้ายของปี 67 อยู่ในทิศทางของการประคองตัว วอลุ่มซบเซา มีวันหยุดหลายวัน แต่ดัชนีฯ ลุ้น !! ยืนบวก …เล็งแรงซื้อจากกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี และคาดหวังทำ Window Dressing ช่วงปลายปี รวมทั้งปัจจัยหนุนช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว-การลงทุน Data Center ลากยาวเล่นไปถึงปีหน้า พร้อมมั่นใจดัชนี SET ปิดปีไม่หลุด 1,400 และลุ้นขึ้นสูงสุด 1,480 จุด ส่วนหุ้นเด่นเดือนธ.ค.เชียร์ AOT, MINT, GULF, CPAXT, BBL, MTC, STA, SC, CPALL, BDMS, MAGURO, RBF, AAV แนวโน้มตลาดปี 68 ฟื้นตัวขึ้นได้ วางเป้าดัชนีไว้ 1,530-1,620 จุด

ดัชนีหุ้นไทยปิดเดือนพ.ย.ที่ 1,427.54 จุด ลดลง 38.5 จุด หรือ -2.63% เมื่อเทียบกับ 31 ต.ค. ดัชนีฯปิดที่ 1,466.04 จุด

มูลค่าซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนช่วง 11 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 40,111.22 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 2,467.77 ล้านบาท,  ต่างประเทศขายสุทธิ 137,472.21 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 94,893.21 ล้านบาท

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในเดือนธ.ค.คาดยืนในแดนบวกได้ จากการมองภาพที่มีโอกาสลุ้นในช่วงปลายปีจากแรงซื้อของกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีช่วยหนุน และยังจะลุ้นทำ Window Dressing ก่อนปิดปี รวมทั้งได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่เป็นช่วง High Season และการย้ายฐานการผลิตของพวก Data Center โดยหุ้นที่งบดีไตรมาส 4 และหุ้นที่จะเข้าใน Set 50 และ Set 100 จะเป็นธีมที่เล่นกันอยู่และทำให้ตลาดปรับขึ้นไปได้  มองกรอบบนของดัชนีฯ  1,450-1,460 ถัดไป 1,480 จุด ส่วนด้านล่างมอง 1,400 จุด

หุ้นที่น่าลงทุนในเดือนธ.ค.เป็นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มจับจ่ายใช้สอย, ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต Data Center รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งแนะนำหุ้น AOT, MINT, GULF, CPAXT, BBL, MTC, STA, SC

สำหรับปี 2568 ตั้งเป้าดัชนี SET ไว้ที่ 1,570-1,620 จุด คิด P/E 16.5-17 เท่า คาดว่ากำไรปี 2568 จะเติบโต 13% จากปี 2567 ซึ่งหวังว่าปี 2568 ตลาดจะปรับขึ้นด้วยธีมการท่องเที่ยว, การจับจ่ายใช้สอย, การลงทุนของ Data Center และการผลักดันการใช้งบประมาณ อย่างไรก็ดียังมีความเสี่ยงที่จะต้องติดตามในเรื่องนโยบายของสหรัฐ และเศรษฐกิจของจีน พร้อมแนะนำหุ้นที่น่าสนใจลงทุนเป็นหุ้น AOT, CPALL, MTC, TRUE, AMATA, GULF, CK, KTB

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดในเดือนธ.ค.เป็นลักษณะของการประคองดัชนีไว้จากการลงทุนของวายุภักษ์ช่วยหนุน ทำให้ตลาดอยู่ในลักษณะทรงตัว โดยปัจจัยนอกประเทศจะไม่เอื้อเหมือนก่อนแล้ว โดยรอดูมาตรการภาษีของ”ทรัมป์”ต่อไป หลังจากประกาศจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากจีนอีก 10% จากเดิม 20% เป็น 30% และยังขึ้นภาษีนำเข้าจากเม็กซิโก และแคนาดา ด้วยหลัง”ทรัมป์”รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดต่างประเทศมาก เมื่อดูจากต้นปี 2567 ถึงปัจจุบน โดยตอนนี้ทิศทางตลาดขึ้นอยู่กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และรอดูการใช้จ่ายภาครัฐฯ ซึ่งไตรมาส 3 ที่ผ่านมาการใช้จ่ายของภาครัฐเติบโต 26% คาดว่าหลังจากนี้จะเข้ามามากขึ้น พร้อมมองกรอบเดือนธ.ค.มีแนวรับ 1,420-1,405 จุด ส่วนแนวต้าน 1,455-1,460 จุด

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า เดือนธ.ค.มีวันหยุดหลายวัน ตลาดคงจะมีวอลุ่มเทรดซบเซา มีโอกาสที่จะเห็นวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่ำกว่า 4 หมื่นล้าบาทต่อวัน แต่ก็มีลุ้นในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค.จากแรงซื้อของกองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี ซึ่งมีผลต่อตลาดบ้าง

เดือนธ.ค.ให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 18 ธ.ค.ซึ่งตลาดรับรู้แล้วว่าเฟด จะปรับลดดอกเบี้ยช้า และน้ำหนักการลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้มีแค่ 55% พร้อมเล็งดัชนี SET ปิดปีนี้บริเวณ 1,420-1,430 จุด

สำหรับปี 2568 ตลาดคงจะฟื้นตัวได้แต่ไม่มาก หลังตอบรับปัจจัยลบไปหมดแล้วโดยเป้าดัชนี SET ปี 2568 มองไว้ที่ 1,530-1,550 จุด และด้านล่างมองไว้ 1,440 จุด คิด P/E 16 เท่า และคาด EPS 90.25 บาท โดยจับตากลุ่มธนาคารหากมีการผ่อนคลายเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ตลาดก็จะวิ่งได้เร็ว ซึ่งถ้าจะเห็นต้องเห็นในครึ่งแรกปี 2568

ปี 2568 การปรับลดอัตราดอกเบี้ยช้าไปทำให้ไม่น่าลงทุนแล้ว และ Fund Flow อาจไม่เข้าจากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งนักลงทุนต่างชาติกลัวขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา(FX) ดังนั้นจึงมองปี 2568 หุ้นที่ยังน่าลงทุนได้เป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าตัวเล็ก จากราคาก๊าซที่ปรับตัวลง และราคาน้ำมันถูก มองบวกต่อหุ้น TASCO ที่ต้นทุนยางมะตอยลดลง

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นเดือนธ.ค.มีแนวโน้มซึมลง แต่มีลุ้นรีบาวด์ได้เมื่อดัชนีฯ เข้าใกล้ 1,400 จุด  จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กลางเดือนธ.ค. จับตา Dot Plot หลังตอนนี้โอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเหลือแค่ 2 ครั้งในปี 2568 จากเดิม 4 ครั้ง ส่วนกนง.คงจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้แล้ว และยังต้องติดตามสถานการณ์สงคราม รวมถึงรัฐฯจะมีของขวัญปีใหม่หรือไม่ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย

“ปิดปี 2567 ดัชนีฯไม่น่าจะหลุด 1,400 จุด เนื่องจากมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ทั้ง TESG, RMF เป็นต้น และวายุภักษ์ก็น่าจะเข้าสะสมหุ้น โดยมองกรอบดัชนีฯเดือนธ.ค.มีแนวรับ 1,400 จุด แนวต้าน 1,450-1,460 จุด ซึ่งบริเวณ 1,400 ถือว่าหุ้นไม่พง สะสมหุ้นได้ แนะนำหุ้น CPALL, BDMS เพราะราคาหุ้นลงมาเยอะแล้วจึงน่าสนใจ และแนะนำ MAGURO, RBF, AAV”

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า กลยุทธ์ลงทุนปี 2568 “เฟ้นหาโอกาสท่ามกลางความเสี่ยง” คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีความยืดหยุ่นและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อในปี 2568 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงสำคัญยังคงเป็นการกลับมาของนโยบายการค้าของ “ทรัมป์”  และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจไทยจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยมีความสมดุลมากขึ้นจากทุก ๆ เรื่อง โดยการลงทุนที่แข็งแกร่งขึ้น และการบริโภคที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประเมิน SET Target ปี 2568 ที่ 1,600 โดยเลือกหุ้น Top Pick ปี 2568 ได้แก่ BA, CHG, CPALL, KTB, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR และ WHA

———————————————————————————————————————————————————–