ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 511 จุด จับตาเฟดประชุม

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ทะยาน 511 จุด +1.58% , S&P500 +1.20%  , Nasdaq +1.16% เด้งกลับหลังขานรับข่าวร้ายไประดับหนึ่ง จับตาประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ,รายงานผลประกอบการของแอปเปิ้ล ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.23 ดอลลาร์ กว่า – 3.78% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 30ตุลาคม 2566  ที่ 32,928.96 จุด เพิ่มขึ้น 511.37 จุด หรือ 1.58% เป็นการปรับขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน ขณะที่นักลงทุนจับตาเหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ทั้งการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)และการรายงานผลประกอบการของแอปเปิ้ล
      
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,166.82 จุด เพิ่มขึ้น 49.45 จุด, +1.20%  
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,789.48 จุด เพิ่มขึ้น 146.47 จุด, +1.16%
      
ดัชนี S&P500 เด้งขึ้นและออกจากเขตปรับฐาน โดยกลุ่มบริษัทบริการด้านการสื่อสาร เป็นกลุ่มในดัชนี S&P 500  ที่ปรับขึ้นมากสุดกว่า 2% ในกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ หุ้นแอมะซอนบวก 3.9%  และหุ้นเมตาแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 2%
      
อาร์ต โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ B. Riley Financial กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ตลาดปิดที่ระดับต่ำสุด แต่ไม่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นที่เปลี่ยนแนวโน้มของตลาดและเศรษฐกิจ ตลาดจึงปรับขึ้นในวันจันทร์ ประกอบกับนักลงทุนก็รู้สึกมั่นใจขึ้นบ้าง ได้ขานรับข่าวร้ายมากพอแล้ว จึงทำให้ตลาดแข็งแกร่งขึ้นในวันจันทร์
      
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของเฟดและการรายงานผลการดำเนินงานของแอปเปิ้ลซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดใน S&P 500 ที่จะยกระดับความเชื่อมั่นหลังจากที่ 2-3 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นไม่สดใส
      
การประชุมของเฟดเฟดจะเสร็จสิ้นในวันพุธ(1 พ.ย. ) ซึ่งมีการคาดหวังในวงกว้างว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย และนักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว อย่างน้อยในปี 2023
      
โฮแกนกล่าวว่า ฉันทามติของเฟดไม่เคยชัดเจนเท่านี้ว่า จะไม่ทำอะไรในการประชุมครั้งนี้ และจะเป็นการประชุมอีกครั้งที่ไม่ขึ้นดอกเบี้ย และคิดว่าอาจเป็นสัญญาณว่าวงจรการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสิ้นสุดลงแล้ว จึงน่าจะช่วยหยุดการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้
      
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีซื้อขายที่ 4.89% ในวันจันทร์
      
แอปเปิ้ลจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในวันพฤหัสบดีหลังตลาดปิด โดยนักลงทุนจับตาผลกระทบจากการที่จีนจำกัดการใช้ iPhone เป็นหลัก
      
หุ้นแมคโดนัลด์ เพิ่มขึ้น 1.7% หลังรายงานการดำเนินดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเนื่องจากราคาในเมนูที่สูงขึ้นช่วยกระตุ้นการเติบโตของยอดขาย ทำให้นักลงทุนกำลังวิเคราะห์เกี่ยวกับผู้บริโภค หลังเห็นว่ามีความสามารถในการปรับตัวเมื่อเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น เบอร์เกอร์ยักษ์รายนี้เอาชนะประมาณการรายได้ในไตรมาสที่สาม
      
บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ยังรวมถึง แคทเธอร์พิลลาร์ ไฟเซอร์ และสตาร์บัคส์
      
นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการในสัปดาห์นี้ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคม การจ้างงานภาคเอกชนเดือนตุลาคม การเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนกันยายน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

      
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลง บวกกับหุ้นSiemens Energy ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการหารือเกี่ยวกับการค้ำประกันโครงการ  ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลเงินเฟ้อ
      
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนลดลง โดยนักลงทุนมองว่าตลาดรับรู้ไปแล้วในวงกว้างถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะสูงขึ้นเป็นเวลานาน
      
อัตราเงินเฟ้อในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย(North Rhine-Westphalia) ซึ่งมีประชากรมากที่สุดของเยอรมนีเดือนตุลาคมลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 12 เดือนของสเปนในเดือนตุลาคมไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3.5%
      
ข้อมูลอีกชุดหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเยอรมนีหดตัวเล็กน้อยในไตรมาสที่สาม เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากกำลังซื้อที่อ่อนแอและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
      
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษอย่างใกล้ชิด รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อของยุโรป
      
กลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับขึ้นสูงสุดโดยเพิ่มขึ้น 1.1% จากการเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ในหุ้น Novo Nordisk และ Sanofi
      
หุ้น Siemens Energy เพิ่มขึ้น 12.7% ไปที่ระดับสูงสุดของดัชนี STOXX 600 หลังจากที่ประธานโจ เคเซอร์ กล่าวว่าบริษัทไม่ต้องการเงินจากรัฐ ในขณะที่การเจรจากับรัฐบาลเกี่ยวกับการค้ำประกันที่เกี่ยวข้องกับโครงการยังคงดำเนินต่อไป
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 431.12 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 จุด, +0.36%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,327.39 จุด เพิ่มขึ้น 36.11 จุด, +0.50%
 ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,825.07 จุด เพิ่มขึ้น 29.69 จุด,อ +0.44%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,716.54 จุด เพิ่มขึ้น 29.13 จุด, +0.20%
      
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 3.23 ดอลลาร์ หรือ 3.78% ปิดที่ 82.31  ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 3.03 ดอลลาร์ หรือ 3.35% ปิดที่ 87.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล