“ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์” คาดไตรมาส 4 โตต่อเนื่อง เตรียม COD โรงไฟฟ้า TG8 เพิ่ม หนุนกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มเป็น 440 เมกะวัตต์ พร้อมติดตั้งหม้อผลิตไอน้ำเสริมประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าผู้บริหารระบุเล็งประมูลโรงกำจัดขยะอบจ.และเทศบาลต่อเนื่อง ชูกำไรไตรมาส 3/61 โต 69%
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 4 โดยจะมุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุดได้ลงทุนติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) เพิ่มเติมอีก 1 เครื่อง ใช้งบลงทุน (ไม่รวมงานก่อสร้าง) ประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและเสริมความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้า 150 MW (TG8) ที่อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากภาครัฐ คาดว่าจะ COD ได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยจะจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่บริษัท ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้นเป็น 440 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 290 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการโรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดให้ภาคเอกชนเข้าร่วมประมูลในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
“บริษัทฯ แสวงหาโอกาสการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้าประมูลงานโรงไฟฟ้าขยะที่คาดจะทยอยออกมาในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปี 2562 โดยบริษัทฯได้จัดเตรียมความพร้อมในด้านเงินลงทุน โดยการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท รวมหุ้นกู้ที่เสนอขายจำนวน 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอขายได้ในวันที่ 22-27 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นทางเลือกในการระดมเงินลงทุนที่ดี โดยล่าสุด ทริส เรทติ้ง ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรและเครดิตตราสารหนี้ของบริษัทฯ ที่ระดับ “BBB+” ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 (ก.ค.- ก.ย. 2561) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,174.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,232.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,005.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 593.35 ล้านบาท
ปัจจัยหลักที่ผลการดำเนินงานเติบโตได้ดีมาจากการที่บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงจากขยะ 70 เมกะวัตต์ (TG6) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง 30 เมกะวัตต์ (TG4) รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 100 MW โดยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ กฟผ. ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า PPA 90 เมกะวัตต์ โดยได้รับ Adder 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปีนับจากวันที่เริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า และเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ เดินเครื่องและเริ่มต้นขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์สำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ กำลังการผลิตติดตั้ง 70 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตที่ได้รับอนุญาต 40 เมกะวัตต์) โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับบริษัท ทีพีไอ โพลีน
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.- ก.ย. 2561) บริษัทฯมีรายได้รวม 5,589.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,796.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,724.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,998.21 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้น