GULF เซ็นขายไฟโรงไฟฟ้าขยะอุตฯ 2 โครงการ 16 MW เริ่ม COD ปี 69

HoonSmart.com>> “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์” (GULF) เผยบริษัทย่อยในกลุ่ม-MILL เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมกับ กฟภ. จำนวน 2 โครงการ ระยะเวลา 20 ปี กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 16 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวม 3,500 –3,600 ล้านบาท คาดเปิดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ปี 69

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 โครงการฯ ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาโครงการละ 8 เมกะวัตต์จำนวน 2 โครงการ รวมเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งสิ้น 16 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,500 –3,600 ล้านบาท โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวมีระยะเวลา 20 ปีนับจากวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ทั้ง 2 โครงการมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2569

ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (Very Small Power Producer: VSPP) ที่ได้รับการคัดเลือก ตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ปี2565 –2573 สำหรับขยะอุตสาหกรรม ไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 โดยบริษัท พาวเวอร์ วัตต์ 1 จำกัด และบริษัท พาวเวอร์ วัตต์ 2 จำกัด (โครงการฯ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GULF ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 51% ร่วมกับบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลและบริหารจัดการกากขยะอุตสาหกรรมภายใต้กลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล (MILL) ซึ่งถือหุ้นทางอ้อม 49% ได้รับ
คัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมดังกล่าว

การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมของบริษัทฯ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยในการลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) และการมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) โดยโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมดังกล่าวใช้กระบวนการและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อจัดการขยะอุตสาหกรรมจากโรงงานในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือจากกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกทั้งช่วยลดปริมาณขยะฝังกลบในประเทศ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม