“ดู เดย์ ดรีม” ไตรมาส 3/61 พลิกขาดทุน 0.66 ล้านบาท ลดลง 100.66% จากงวดปีก่อนกำไร 44 ล้านบาท ฉุด 9 เดือนกำไรวูบ 31% เหตุรายได้จากการขายลดลง โดยเฉพาะต่างประเทศหด 52% ดิ้นปรับแผนการผลิตฉุดต้นทุนเพิ่มซ้ำ
บริษัท ดู เดย์ ดรีม (DDD) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 พลิกขาดทุนสุทธิ 0.66 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.002 บาท ลดลง 100.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 44.39 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.19 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 174.36 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.55 บาท ลดลง 31.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 253.45 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.11 บาท
ในงวด 9 เดือนปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิลดลงมีสาเหตุหลักมาจากรายได้การขายที่ลดลง โดยเฉพาะรายได้จากต่างประเทศ ต้นทุนขายปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากการปรับแผนการผลิต อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายที่ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้นตามจำนวนพนักงาน เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 983.36 ล้านบาท ลดลง 21.73% ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้จากการขายต่างประเทศลดลง 52.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการชะลอการส่งสินค้าหลังจากได้รับใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยาแห่งประเทศจีน (CFDA) เมื่อต้นปี 2561 ซึ่งทำให้บริษัทฯ ต้องปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวให้เป็นไปตามใบอนุญาติที่ได้รับ และปรับโครงสร้างการขายสำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศให้เหมาะสม
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับผลกระทบจากข่าวผู้ผลิตสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานและการปิดตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหญ่ที่สุดในประเทศตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าของบริษัทฯ บางส่วนไม่มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและชะลอการสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฯ ส่งผลทำให้รายได้จากการขายสินค้าในประเทศลดลง โดยเฉพาะรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม
บริษัทฯ ตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าวและได้ปรับกลยุทธ์และแผนการตลาดตั้บแต่เดือนส.ค.2561 เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ โดยรายได้จากการขายสินค้าในประเทศในช่วง 9 เดือน ปี 2561 ลดลงมาอยู่ที่ 765.46 ล้านบาท ลดลง 4.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 798.52 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากพิจารณารายได้ตามกลุ่มผลิตภัณฑ์พบว่าหลายกลุ่มมีรายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายของบริษัทปรับตัวลดลง โดยเฉพาะรายได้จากการขายต่างประเทศ ยกเว้นรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและชุดของขวัญที่เติบโตขึ้นเป็นอัตรา 6.70% และ 50.72% ตามลำดับ ผลจากที่บริษัทจัดสินค้าเพื่อจำหน่ายเป็นกิฟท์เซ็ทโดยจับกลุ่มนักท่องเที่ยวและเน้นจำหน่ายในช่องทางร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free Shop) และบริษัทฯ เริ่มโปรโมทสินค้าในประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงปลายเดือนก.ย.2561 โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในประเภทฟิลิปปินส์ คือ สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า