“วินโดว์ เอเชีย” โอกาสการเติบโต …กับ New S Curve ที่สร้างได้

HoonSmart.com >> “วินโดว์ เอเชีย” (WINDOW) ตัวท็อป ประตู-หน้าต่าง สำเร็จรูป ที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายหลากหลาย เข้าถึงได้ง่าย สะดวก ง่าย และจุดขาย “การรับประกันตลอดอายุการใช้งาน” ที่ทำให้บริษัทเติบโตมาได้ถึงวันนี้ 8 ปีเศษ และก้าวต่อไปกับการเติบโต ที่สร้างได้  เป็น  New S Curve ใหม่ ที่ท้าทาย หลังเข้าตลาดหุ้น

“รัตนศิริวิไล” ตระกูลชาวจีนครอบครัวใหญ่ ที่ส่งต่อธุรกิจสู่รุ่น 3 จากธุรกิจ เหล็กเส้น วัสดุก่อสร้าง อลูมิเนียม เมทัลชีท และ ท่าเรือ สู่ธุรกิจการผลิตประตูและหน้าต่าง สำเร็จรูป ของบริษัท  “วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน ) หรือ WINDOW และกำลังเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 25 ตุลาคมนี้

 การเริ่มต้น “วินโดว์ เอเชีย” 

จากธุรกิจดั้งเดิมของตระกูล “รัตนศิริวิไล” ได้ต่อยอดธุรกิจ เมื่อมีโอกาสการเข้าซื้อกิจการ เมื่อ 10 ปี ที่แล้ว การซื้อกิจการโรงงานผลิตประตู-หน้าต่าง สำเร็จรูปที่อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว เป็นการต่อยอดกับธุรกิจโรงงานผลิตอลูมิเนียมเส้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบของประตู-หน้าต่าง จุดนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบของ WINDOW ทั้งต้นทุนและความรู้ของกระบวนการผลิต ได้เป็นอย่างดี

“ธนินทร์ รัตนศิริวิไล”  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินโดว์ เอเชีย (WINDOW) เขาคือทายาทรุ่น 3 ที่รับไม้ต่อบริหารกิจการนี้ของครอบครัว  ในวัย 40 ต้น ๆ กับภาระกิจที่ต้องนำพา “วินโดว์ เอเชีย” เติบโตและเข้าตลาดหลักทรัพย์

“ธนินทร์” เล่าว่า จากวันที่ซื้อกิจการ ถึงวันนี้ 10 ปี ที่กิจการนี้ เติบโตต่อเนื่อง สามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำประตู-หน้าต่าง สำเร็จรูปรายใหญ่สุดของไทย โรงงานผลิตขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย สามารถผลิตประตู-หน้าต่าง ได้ 800,000 ตารางเมตร/ปี  และอยู่ระหว่างสร้างโรงงานใหม่เพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตสู่ 1 ล้านตรม.หลังระดมทุนขายหุ้นมุ่งสู่ตลาดหลักทรัพย์  ซึ่ง “ธนินทร์” บอกว่า การเข้าตลาดหุ้น สร้างโอกาสให้บริษัท ฯ หลายด้าน ทั้งการขาย การขยายการเติบโต และภาพลักษณ์ที่ดีของการเป็นบริษัทในตลาดหุ้น

เบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์ 25%

ช่องการขาย-สินค้าหลากหลาย

ซีอีโอ เล่าอีกว่า ด้วยช่องทางการขายที่หลากหลาย ทั้งการขายผ่านโมเดิร์นเทรดดัง ๆ อย่างไทวัสดุ บุญถาวร โฮมโปร ฯ หรือการขายตรงของ “วินโดว์ เอเชีย ช้อป” ที่ตั้งอยู่ในร้านกระเบื้อง “ไดนาสตี้” 42 สาขา , ขายผ่านร้านวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ตามหัวเมืองทั่วไทย รวมทั้งการขายผ่านออนไลน์ รวมแล้วกว่า 700 ร้านค้า  ทำให้ง่ายและสะดวกในการซื้อ และยิ่งสะดวกมากขึ้น เมื่อ WINDOW มีบริการช่วยแก้ปัญหาในการติดตั้ง ส่งผลให้เป็นเบอร์ 1 ของตลาด ที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 25% ของตลาดรวม

“ธนินทร์” บอกว่า หัวใจสำคัญของ WINDOW คือ ” การรับประกันตลอดอายุการใช้งาน” แก้ไขให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ถือเป็นฟันเฟืองหนึ่งของการเติบโต การันตีคุณภาพ-บริการ ได้อย่างดี

นอกจากช่องทางการขายหลากหลาย WINDOW แล้ว จุดเด่นอีกอย่างของ ประตู-หน้าต่าง ก็มีให้เลือก จะเลือกสวย เลือกสี หรือเลือกทน วัสดุอลูมิเนียม คงทน มีให้เลือก 6 สี  แต่ถ้าชอบสวน ก็ต้องเลือก UPVC มี 2 สี ขาว-ดำ ถือเป็นความต่างโดดเด่นที่ประตู-หน้าต่าง ร้านอลูมิเนียมทั่ว ๆ ไปไม่มี หรือมีไม่พอ

ความนิยม บ่งบอกสัดส่วนการขาย ซึ่งอลูมิเนียม มีสัดส่วนถึง 65% เนื่องจากราคาย่อมเยากว่า UPVC ที่มียอดขาย 35-40%

ไม่เพียงเท่านั้น WINDOW ยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งประตู-หน้าต่าง  เช่น ยาแนว ขายด้วย เรียกว่า ครบวงจร ซื้อครบจบที่ “วินโดว์”

 

แนวทางการเติบโต สู่ New S Curve ที่เริ่มสร้าง

“ธนินทร์” กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจ ยังมีช่องทางการโต ทั้งการเติบโตผ่านการให้บริการติดตั้ง พนักงานขายเกือบ 100 คน ประจำจุดในร้านโมเดิร์นเทรด , ร้านวัสดุก่อสร้างทันสมัย (Traditional Trade) หรือ ร้านวินโดว์ เอเชีย ช้อป รวมทั้งช่างติดตั้งกว่า 20 คน

การเติบโตสำคัญที่จะเป็น New S Curve ใหม่ของบริษัท ฯ คือ ตลาดก่อสร้างและโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทมีความพร้อม โดยถือว่า การเข้าตลาดหุ้น เป็นโอกาสขยายตลาดใหม่ ๆ

อีกการเติบโต ที่มีความสำคัญคือ การขยายตลาดไปต่างประเทศ ในรูปแบบพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งตลาดที่มองอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลลิปินส์  รวมถึงตลาดสหรัฐอเมริกา ที่นิยมใช้ประตู-หน้าต่าง สำเร็จรูป

” มูลค่าตลาดค้าปลีกทั้งหมด 50,000 ล้านบาท ซึ่ง ประตู-หน้าต่าง มีมูลค่าตลาด 4,000 ล้านบาท ซึ่งวินโดว์ ฯ เราคือ 1,000 ล้านบาท หรือ 25% ของตลาดประตู-หน้าต่างเท่านั้น  4,000 ล้านบาท   ฉะนั้น เป็นความท้าทายใหม่ ที่เราต้องเข้าไปชิงมาร์เก็ตแชร์ โดยมีเป้าหมายตลาดโครงการขนาดใหญ่-ตลาดกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จะเป็น New S Curve ของวินโดว์ ”

ซีอีโอ กล่าวทิ้งท้ายว่า เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ยอดขายปี 2567 ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 2 หลัก หรือ กำลังผลิต 1.5 ล้านตรม./ปี และระยะ 3-5 ปี ตั้งเป้าโต 10-15% ซึ่งจะได้จากการขยายเข้าสู่โครงการอสังหาริมทรัพย์-โครงการขนาดใหญ่ – การขยายตลาดไปต่างประเทศ และบริการติดตั้งหลังการขาย นั่นเอง

 

 

 

 วิดีโอประกอบข่าว