โบรก ฯ เล็งบาทแข็งหนุนเงินไหลเข้า ดัน SET 1,450 จุด – เชียร์ 8 หุ้นเด่น

HoonSmart.com>> 3 โบรกฯฟันธง !!! เงินบาทแข็งสู่ระดับ 36 .20 บาท /ดอลลาร์  หนุน Fund Flow ไหลเข้า หวังดัน SET ขึ้นสูงสุด 1,540 จุด กลุ่มโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากหนี้ต่างประเทศ และกลุ่มนำเข้าสินค้า ส่วนกลุ่มเสียประโยชน์ เป็นกลุ่มส่งออก-โรงพยาบาล ที่มีรายได้จากต่างประเทศ พร้อมเชียร์หุ้นเด่นรับบาทแข็งค่า ได้แก่ COM7, GULF, PTT, TOP, ADVANC, SCB, KBANK, CPALL

นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มเงินบาท มีโอกาสแข็งค่าได้มากขึ้น จากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอขึ้นดอกเบี้ย และไตรมาส 4/66 เข้าสู่ช่วงท่องเที่ยว ทำให้มีความต้องการเงินบาทมากขึ้น ซึ่งเงินบาทแข็งค่า กลุ่มส่งออกจะไม่ดี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เช่น กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีการนำเข้าชิปและชิ้นส่วนบางตัวเข้ามาด้วย

ส่วนที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า จะเป็นกลุ่มนำเข้าสินค้ามาขาย เช่น มือถือ, สินค้าไอที  แนะนำ”ซื้อ”  COM7 ราคาเป้าหมาย 38.60 บาท , TVO ก็จะได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า จากการนำเข้าถั่วเหลืองเพื่อนำไปเป็นอาหารสัตว์

นอกจากนี้ พวกที่มีหนี้ต่างประเทศ เงินบาทแข็งค่า ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM, GULF ได้ประโยชน์จากค่าก๊าซธรรมชาติลดลง แต่ไตรมาส 4/66 เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ต้องรอดูต้นทุนก๊าซธรรมชาติจะสูงขึ้นหรือไม่ แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงลึกแล้ว อาจมีเด้งได้บ้าง ท่ามกลางแรงกดดันจากค่าไฟฟ้าที่ปรับลดไปแล้ว 2 ครั้ง

นายสมบัติ กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าจะช่วยดึงดูด Fund Flow เข้ามา โดยเงินบาทจะมีค่าเฉลี่ย 75 วันที่ 35.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันอยู่ที่ 35.05 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้มองเงินบาทแข็งค่า ทำให้ดัชนี SET มีโอกาสขึ้นไปสูงสุด 1,540 จุด ซึ่งเป็นเป้าหมายดัชนี SET ของปีนี้ (2566) ส่วนปีหน้า (2567) มองเป้าหมายดัชนีฯไว้ที่ 1,670 จุด ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้คาดจะเติบโต 6% และปีหน้าเติบโต 7%

“ปัจจัยต่างประเทศเริ่มโอเคร ไม่น่ากังวลนัก  แต่ปัจจัยในประเทศ เรื่องแหล่งเงินที่จะมาใช้ใน Digital Wallet ยังเเป็นความเสี่ยง แม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้าก็ตาม”

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า มองว่าเงินบาทแข็งค่าแค่ช่วงสั้น ทำให้ Fund Flow เริ่มเข้าในตลาดตราสารหนี้ แต่ตลาดทุนยังไม่ชัดเจน หากเงินบาทแข็งค่าต่ำกว่า 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เล่นเก็งกำไรได้ โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า เป็นหุ้นในกลุ่มที่มีหนี้ต่างประเทศมาก อย่างหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มนำเข้าสินค้า ก็จะได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า

“เงินบาทอ่อนค่า มาจากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในประเทศมีความกังวลนโยบายรัฐฯ และเครดิตประเทศ ส่วนนอกประเทศ เงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มผ่อนคลาย ดังนั้น เก็งกำไรระยะสั้นได้จากเงินบาทแข็งค่า แต่พื้นฐานในประเทศยังไม่สะท้อนให้เงินบาทแข็งค่าได้ อาจจะมี Downgrade Outlook…เงินบาทแข็งค่ารอบนี้ จะดึงดูด Fund Flow เข้ามา รอบนี้มองดัชนีมีโอกาสขึ้นไปได้สูงสุด ที่ 1,475 จุด ส่วนด้านล่างมอง 1,450-1,425 จุด”

สำหรับหุ้นที่เสียประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า จะเป็นหุ้นในกลุ่มส่งออก อย่างกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม อาทิ CPF, TU กลุ่มโรงพยาบาลที่มีรายได้จากต่างประเทศ อย่าง BDMS, BH รายได้จากต่างประเทศราว 35-40%

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นจิตวิทยาบวกต่อ SET แนวโน้ม Fund Flow ไหลเข้า  ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าเร่งขึ้นชัดเจน อิงภาพตลาดเริ่มผ่อนคลายต่อภาพวงจรดอกเบี้ยสหรัฐฯมากขึ้น และเศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่จุดเร่งฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/66

มองค่าเงินบาท ลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 35.9 (Fibonacci 38.2%) และ 35.73 บาท (Neckline) ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มองจิตวิทยาบวกต่อ SET โดย SET ปัจจุบันอยู่ในโซนลงทุน PER67 ที่ยังไม่รวม Upside นโยบาย Digital Wallet มีส่วนลดค่าเฉลี่ยราว 3 เท่า ทำให้ลุ้น Fund Flow ไหลเข้าต่อ

ทิศทางเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า มองเป็นบวกหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้

กลุ่มที่ได้ประโยชน์ กลุ่มที่มีหนี้สินเป็นสกุลเงินต่างประเทศ คือ โรงไฟฟ้า (GULF, GPSC, BGRIM, EGCO) กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, BCP, SPRC, PTTGC)

กลุ่มที่มีต้นทุนเป็นสกุลเงินต่างประเทศ คือ สายการบิน (AAV, BA) และ TOA

ส่วนกลุ่มที่นำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศ คือ สื่อสาร (ADVANC, TRUE) และหุ้นบิ๊กแคปได้ประโยชน์ Fund Flow ไหลเข้า คือ ธนาคาร (SCB, KBANK) กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT)

กลุ่มที่เสียประโยชน์ อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนฯ กลุ่มเกษตรฯ ส่วนกลุ่มที่เป็นกลาง อาทิ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มธนาคาร กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มรับเหมา กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงแรม กลุ่มสื่อสาร กลุ่มนิคม กลุ่มอสังหาฯ

ด้านกลยุทธ์เชื่อว่า SET จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง กรอบการฟื้นตัว 1-3 สัปดาห์ที่ 1,520-1,535 จุด

ส่วนดัชนีสิ้นปี 66 และ 67 ที่ 1,700 และ 1,850 จุด มองระยะสั้นมีโอกาสตลาดดึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เน้น GULF, PTT, TOP, ADVANC, SCB, KBANK, CPALL

ทั้งนี้ ค่าเงินบาท เทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นมาอยู่ระดับ  36.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 14 ต.ค. ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนของบัตรยูทิป ธนาคารกสิกรไทย โดยเงินบาทแข็งขึ้น เทียบก่อนหน้านี้ อ่อนตัวลงจ่อ 38 บาท /ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี SET วันที่ 12 ต.ค. ปิดที่ 1,450.75 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 1,759 ล้านบาท , กองทุน-สถาบัน ซื้อสุทธิ 1,894 ล้านบาท , รายย่อยขาย 334 ล้านบาท และพอร์ตโบรกเกอร์ + 199  ล้านบาท