เลขาก.ล.ต.คนใหม่เปิดวิสัยทัศน์ ดันตลาดทุนหนุนศก.แข่งขันได้

HoonSmart.com >>”พรอนงค์ บุษราตระกูล” เปิดวิสัยทัศน์ในตำแหน่ง เลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ ดันตลาดทุนเป็นกลไกหลักหนุนเศรษฐกิจไทยแข่งขันได้ เสริมการอยู่ดีกินดีของคนไทยในระยะยาว ควบคู่การสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจ รักษาความเป็นองค์กรอิสระ แจงประเด็นข้อสงสัยสาธารณะอย่างรวดเร็ว พร้อมปรับแก้กฎหมายด้านการลงทุนในโทเคนไปอยู่ในพรบ.หลักทรัพย์ฯไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างหลักทรัพย์ดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในฐานะเลขาก.ล.ต.คนใหม่ คนที่ 8 ยังมีเป้าหมายเหมือนเลขา ก.ล.ต.คนก่อนๆ คือ ต้องการทำให้ตลาดทุนเป็นกลไกหลักในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยแข่งขันได้

ในฐานะที่ทำเรื่องสังคมผู้สูงอายุมาโดยตลอด ต้องการให้มีการออมระยะยาว อยากเห็นคนไทยที่แก่ตัวแล้วสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ จากปัจจุบันที่มีปัญหาออมน้อย ออมสั้น ออมไม่พอ

ส่งเสริมให้มีสินค้าทางการออมที่ครอบคลุมตามฐานความเสี่ยงในทุกช่วงอายุ เช่น high bond yield ที่ในปัจจุบันมีสัดส่วนแค่ 10% เท่านั้น ซึ่งจะทำการส่งเสริมให้เกิด high bond yield fund อย่างเป็นรูปธรรม

รวมถึง การส่งเสริมให้มีทางเลือกใหม่ๆ หรือ investor choice ในการลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(PVD) นอกเหนือจากให้มีการออมเพิ่มขึ้น

สนับสนุนให้คนไทยทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากตลาดทุน ไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนมาลงทุนในตลาดหุ้น แต่ต้องการเห็นตลาดทุนมีส่วนในการส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“ผลลัพธ์ หรือ outcomes ที่อยากเห็นยังเป็นเรื่องเดิมๆ แต่ด้วยเจน และสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ก.ล.ต.ต้องปรับวิธีการทำงาน ปรับ mind set การทำงาน”นางพรอนงค์ กล่าว

เลขาก.ล.ต. กล่าวอีกว่า ในระยะเร่งด่วนนี้จะเน้นทำ 3 ด้าน คือ หนึ่ง สร้างความมั่นใจ (trust and confident) ในการกำกับให้กับนักลงทุน ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความมั่นใจเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ

สอง รักษาความเป็นองค์กรอิสระ สาม สื่อสารประเด็นที่สาธารณชนกำลังให้ความสนใจอย่างรวดเร็ว

ยกตัวอย่าง กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) บริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE)

ในกรณี STARK ก.ล.ต.มีการกล่าวโทษต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ใน 3 เรื่อง คือ การยื่นไฟลิ่ง หนังสือชี้ชวนขายหุ้นกู้เป็นเท็จ มีการตกแต่งบัญชี และทุจริต และอีกด้านก.ล.ต.ก็อยู่ระหว่างตรวจสอบเชิงลึกไปด้วย ไม่ได้รอผลการตรวจ Special Audit เท่านั้น หลังจากผลที่ได้จาก 2 ส่วนมาก็ทำการศึกษาแล้วนำไปใช้ในการกำกับบริษัทอื่นๆต่อไป

กรณี MORE มีการกล่าวโทษเรื่องการสร้างราคา

นอกจากนี้ ก็มีแนวคิดในการเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยงานตรวจสอบ และให้มีหน่วยงานจัดอันดับเครดิตมากขึ้นเพื่อให้มีคนที่เตือนภัยมากขึ้น

“เราจะศึกษาในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้อง และหาวิธีป้องปราม ซึ่งต้องใช้เวลาในการดูเกณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ แล้วยกระดับการป้องกัน แก้ไข ให้ดีขึ้น และปราบปรามให้เด็ดขาด ซึ่งก็ต้องไปศึกษาถึงแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการทุจริต ภายใต้ความเป็นธรรม ซึ่งต้องเข้าใจว่าบริษัทจดทะเบียนมีร่วม 800 บริษัท มีทั้งดีมาก ดีปานกลาง และกลุ่มที่ยังหลวมๆ ต้องใช้เวลา และอาศัยการทำงานร่วมกันทุกฝ่าย”นางพรอนงค์ กล่าว

นางพรอนงค์ กล่าวว่า ในมุมของการดูแลนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการทุจริตของบริษัทจดทะเบียนนั้นมีแนวคิดในการจัดตั้งกองทันเยียวยา ซึ่งจะทำการศึกษาความเป็นไปได้ และจะทำอย่างไร

สำหรับ การกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล อยู่ระหว่างการปรับแก้กฎหมาย โดยจะให้การลงทุนในโทเคน มาอยู่ใต้พรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างการลงทุนในหลักทรัพย์ดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล จะทำให้การพัฒนากำกับอยู่เกณฑ์เดียวกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในชั้นของกฤษฏีกา แต่ไม่ได้มองว่าต้องแก้เสร็จจึงจะมีการปรับระบบนิเวศ ระหว่างทางก็ไปปรับพรก.สินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความชัดเจนมากขึ้นว่าต้องใส่ใจเรื่องใดเป็นพิเศษ เช่น ที่มีความกังวลเรื่องยูทิลิตี้โทเคน investment token ยูทิลิตี้ กลุ่มหนึ่ง กลุ่มสอง ซึ่งได้เปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว และจะมีการปรับระบบนิเวศให้เหมาะสม

“โลกในอนาคตเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล ต้องใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมืออยู่แล้ว อยากส่งเสริมภายใต้การคุ้มครองผู้บริโภคที่เหมาะสมและภายใต้กฎหมาย  ไม่เป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรในคริปโต และเราก็ไม่ได้เดินคนเดียว ก็มีการรับฟังความเห็นและร่วมกันกับสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) และช่วยให้เขาสามารถแข่งขันได้ภายใต้บริบทที่เหมาะสมกับประเทศ”นางพรอนงค์ กล่าว

ส่วนแผนยุทธศาสตร์ก.ล.ต.ยังเปิดเผยไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างเสนอบอร์ด และบอร์ดอยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติ