JMT ลั่นปีนี้เติบโตนิวไฮ พอร์ตหนี้แตะ 5 แสนล.

HoonSmart.com>>เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส(JMT) ตั้งเป้าหมายภาพรวมทั้งปีให้เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังซื้อหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านบาท ดันพอร์ตรวมสูงเกือบ 5 แสนล้านบาท (รวม JK AMC) ด้าน JMARTมั่นใจ ครึ่งปีหลังผลการดำเนินงานออกมาในทิศทางที่ดี ตามบริษัทย่อย ความเชื่อมั่นนักลงทุนฟื้นหลังจ่ายคืนหุ้นกู้ครบ 1 พันล้านบาท

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT กล่าวว่า มองภาพในเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมตามหนี้ ที่จะสร้างการเติบโตระยะยาว เนื่องจาก เป็นโอกาสให้บริษัทสามารถลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพได้จำนวนมากในปี 2566 และส่วนใหญ่ในปีนี้ บริษัทได้เข้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) เป็นหลัก ซึ่งจะเป็นฐานของพอร์ตหนี้ของบริษัท ที่จะสร้างการเติบโตระยะยาว

“ในไตรมาส 3/2566 จนถึงปัจจุบัน ในช่วงต้นไตรมาส 4/2566 JMT สามารถจบดีล ซื้อหนี้เพิ่มอีก 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน จากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ดันพอร์ตหนี้บริหารในบริษัทอยู่ที่เกือบ 5 แสนล้านบาท (รวม JK AMC) โดยมองว่าปีนี้ จะตั้งเป้าหมายให้มีการเติบโตจากปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ผลการดำเนินงานมีสถิติสูงสุดใหม่ (New High)หรือ นิวไฮ เมื่อเทียบกับปีก่อน”นายสุทธิรักษ์ กล่าว

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ JMART กล่าวว่า จากความพยายามในการปรับกลยุทธ์ของกิจการภายในกลุ่มให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีโอกาสพลิกฟื้น และการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2567 ค่อนข้างสดใส โดยไตรมาส 2/2566 คือ จุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว

สำหรับ ปัจจัยบวกสำคัญคือ ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของ ของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ที่จะทำได้ตามเป้าหมาย รวมทั้ง การเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ Jas Green Village บางบัวทอง ของบริษัทย่อย เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา การเข้าสู่ High Season ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจัดจำหน่ายมือถือที่จะมีมือถือรุ่นใหม่ออกมาจำหน่าย และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในบริษัทที่ได้เข้าลงทุน คือ สุกี้ ตี๋น้อย ที่ได้เปิดสาขาล่าสุด สาขาที่ 49 ที่ Jas Village อมตะนคร ชลบุรี ซึ่งเป็นการศึกษาการทำ Synergy ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทได้จ่ายชำระคืนหุ้นกู้ มูลค่า 1 พันล้านบาท ที่ได้ครบกำหนดไปเมื่อเดือน ก.ย. 2566 ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดยบริษัทจะไม่มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอีกแล้วในรอบอีกเกือบ 1 ปีข้างหน้า