“ERW-AWC-AAV” นำกลุ่มท่องเที่ยวร่วงกว่า 3% โบรกฯ มองเหตุกราดยิงกระทบเชิงลบ

HoonSmart.com>> “หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว” ร่วง หลังเหตุกราดยิงในห้างดังกรุงเทพฯ หุ้น “ERW-AWC-AAV” นำกลุ่มลดลงกว่า 3% “บล.ทิสโก้” มองราคาหุ้นตอบสนองเชิงลบ กังวลกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ คาด “หุ้น AOT-สายการบิน” กระทบหนักสุด ส่วน MINT กระทบน้อย แนะรอซื้อคาดราคาจะฟื้นตัว “หยวนต้า” มองระยะสั้นหุ้นท่องเที่ยวมีโอกาสซึมตัว เสี่ยงถูกลดน้ำหนักการลงทุน ขณะที่หุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ Upside จำกัด ฟาก “บล.กรุงศรี พัฒนสิน” คาดราคาหุ้นปรับตัวลงระยะสั้น มองเป็นจังหวะทยอยสะสม

หุ้นกลุ่มเกี่ยวข้องการท่องเที่ยวครึ่งวันเช้าราคาร่วง หลังเหตุกราดยิงในห้างดังกรุงเทพ มีผู้เสียชีวิตชาวจีน 1 รานและเมียนมาร์ 1 ราย

หุ้นสนามบิน สายการบิน
AOT ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 68.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -2.14% มูลค่าซื้อขาย 2,689.84 ล้านบาท
AAV ปิดที่ 2.58 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ -3.01% มูลค่าการซื้อขาย 176.38 ล้านบาท
BA ปิดที่ 15.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ -0.64% มูลค่าการซื้อขาย 189.24 ล้านบาท

หุ้นโรงแรม
ERW ปิดที่ 5.40 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -3.57% มูลค่าการซื้อขาย 281.74 ล้านบาท
CENTEL ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -2.12% มูลค่าการซื้อขาย 651.30 ล้านบาท
AWC ปิดที่ 3.66 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือ -3.17% มูลค่าการซื้อขาย 287.68 ล้านบาท
MINT ปิดที่ 30.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -1.61% มูลค่าการซื้อขาย 291.54 ล้านบาท
SHR ปิดที่ 2.64 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ -0.75% มูลค่าการซื้อขาย 8.61 ล้านบาท

หุ้นร้านขนมหวานในตลาด mai
หุ้น AU ปิดที่ 9.90 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -1.98% มูลค่าการซื้อขาย 14.10 ล้านบาท

 

บล.ทิสโก้คาด AOT-สนามบินกระทบหนักสุด MINT กระทบน้อย

บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ประเมินหุ้นกลุ่มโรงแรมจากผลกระทบของเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าท่องเที่ยวชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งมีการเสียชีวิตของชาวจีน 1 รายและเมียนมาร์ 1 ราย ว่า การพัฒนานี้อาจทำให้ความท้าทายที่ต้องเผชิญกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาดในปีนี้รุนแรงขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะอยู่ที่ 30.3 ล้านคนในปี 2566 นี้ (ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด) นักท่องเที่ยวชิวจีนมีทัศนคติเชิงลบต่อการท่องเที่ยวไทยในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางอยู่แล้ว และเหตุการณ์นี้อาจกระตุ้นให้เกิดความกลัวการเดินทางเข้าประเทศไทยในระยะสั้น ความรู้สึกของการมาถึงจากประเทศอื่นอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน

“เราคาดว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะมีการตอบสนองเชิงลบ ในการศึกษาความเคลื่อนไหวของจำนวนผู้ม๋าเที่ยว และการตอบสนองของตลาดต่อเหตุการณ์สำคัญในอดีตที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพฯ อย่างไรก็ดี เราต้องการให้เน้นว่าเหตุการณ์นี้มีความรุนแรงน้อยกว่าในการเปรียบเทียบ”บล.ทิสโก้ ระบุ

บล.ทิสโก้ คาดว่า A0T และสายการบินต่างๆ จะได้รับผลกระทบมกที่สุด เนื่องจากการพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เราคาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบอย่างมากต่อ ERW โดยสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทสมารถเข้าถึงโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ (20% ของรายได้ในปี 2566) ผลกระทบต่อ ERW ควรมีความโดดเด่นเนื่องจากสถานที่ดังกล่าวถือว่ามีความอ่อนไหวต่อข้อกังวลด้านความปลอดภัย

ในทางกลับกัน คาดว่า MINT จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากบริษัทมีธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยอย่างจำกัด และให้ความสำคัญกับการดำเนินงานในต่างประเทศมากขึ้น กลุ่มโรงแรมในประเทศไทยมีส่วนช่วยเพียง 10% ของรายได้ของ MINT ในปี 2566

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ แนะนำ “ถือ” สำหรับ AOT (มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 72.00 บาท) และ AWC (มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 5.50 บาท) และคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MINT (มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 38.00 บาท), CENTEL (มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 59.00 บาท), ERW (มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 5.90 บาท), AAV (มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 3.50 บาท) และ BA (มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 19.50 บาท)

“หยวนต้า” คาดหุ้นท่องเที่ยวเสี่ยงถูกลดน้ำหนักลงทุน

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินเหตุการณ์ดังกล่าวคาดสร้าง Sentiment เชิงลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวในระยะสั้น จากความเชื่อมั่นในการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกับความคาดหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนมีความกังวลต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวไทยอยู่แล้ว จากกระแสเชิงลบของคดีเกี่ยวกับคนจีนในไทยและหนังจีนที่สร้างมุมมองลบต่อการเดินทางเข้าประเทศโซน South East Asia เหตุการณ์ดังกล่าวอาจกระตุ้นความไม่เชื่อมั่นในการเดินทางในมุมมองคนจีน

หุ้นที่มีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงลบหุ้นโรงแรม ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR, AWC หุ้นสนามบินและสายการบิน AOT, AAV, BA และหุ้นขนาดเล็กที่เกี่ยวข่องการท่องเที่ยวอย่าง SPA

ทั้งนี้ อิงข้อมูลในอดีต เหตุการณ์ความรุนแรงที่กระทบความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้หุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงปรับตัวลงในกรอบ 2-10% DoD

ในเชิงกลยุทธ์ ระยะสั้นหุ้นท่องเที่ยวมีโอกาสซึมตัว จากการถูกลดน้ำหนักการลงทุนเพราะความเสี่ยงดังกล่าวและหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่มี Upside ที่จำกัด นักลงทุนอาจรอให้หุ้นปรับตัวลงสร้างฐานก่อนกลับเข้าเก็งกำไรอีกครั้ง

 

“กรุงศรี พัฒนสิน” คาดราคาหุ้นปรับตัวลงระยะสั้น จังหวะทยอยสะสม

บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจิตวิทยาลบต่อกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มที่ได้ประโยชน์ท่องเที่ยว เช่น ค้าปลีก สื่อสาร โดยเฉพาะช่วงเวลาปัจจุบันที่กำลังอยู่ในช่วง Golden Week ของนักท่องเที่ยวจีน โดยมีความเสี่ยงทำให้ท่องเที่ยวกำลังกลับมาเร่งสะดุด

จากการศึกษาเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอดีต ได้แก่ 1 เหตุการณ์ลอบวางระเบิด 9 จุดทั่วกรุงเทพฯ เมื่อ 31 ธ.ค. 2549 ทำให้ดัชนีหุ้นปรับตัวลงวันทำการถัดมาลดลง 3.1% และซึมลงต่อเนื่องอีก 5% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวลงต่อเนื่อง 5 เดือนและใช้เวลาราว 1 ปี ก่อนที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดเหตุ 2. เหตุระเบิดศาลพระพรหม เอราวัณ เมื่อ 17 ส.ค. 2558 พบว่าตลาดตอบรับเชิงลบดัชนีปรับตัวลดลง ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวลงต่อเนื่อง 2 เดือนใช้เวลาราว 3 เดือนที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดเหตุ และเหตุการณ์ที่ 3 เรือล่มที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2561 ดัชนีตอบรับเชิงลบปรับตัวลงและจำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวลงเช่นกัน

ฝ่ายวิจัยมอง negative sentiment ต่อบรรยากาศ การท่องเที่ยวและการใช้จ่ายระยะสั้น ทำให้หุ้นท่องเที่ยวที่เราศึกษา ในกลุ่มโรงแรมและกลุ่มร้านอาหารบางตัวได้รับผลกระทบ ได้แก่ ERW (สัดส่วน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 90% / จีน 14%), CENTEL (สัดส่วน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 48% / จีน 4%), และ AU (สัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30% / จีน 12%)

อย่างไรก็ตาม มองราคาหุ้นอาจปรับตัวลงในระยะสั้น มองเป็นจังหวะทยอยสะสม โดยอิงจากเหตุการณ์ในอดีตอาทิระเบิดแยกราชประสงค์และ เรือล่มที่ภูเก็ต แต่หุ้นก็กลับมาได้ เลือก ERW เป็น Top pick กลุ่มโรงแรม และ AU เป็น Top pick กลุ่มร้านอาหาร