ZAA ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โตไม่ต่ำกว่า 10% มุ่งสู่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ครบวงจร

HoonSmart.com>> “ซาเล็คต้า” (ZAA) ชื่อเดิม MPIC ประกาศความพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ เปิดรับพันธมิตรเชื่อมต่อเครือข่ายธุรกิจบันเทิงทั่วโลก ตั้งเป้าปี 67 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% ลุยงานอีเว้นท์เต็มสูบ เดินหน้าธุรกิจภาพยนต์ต่อ พร้อมปักหมุด 3 ปี ขึ้นแท่นผู้นำเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งซิกไตรมาส 4/66 ประเดิมอีเว้นท์แรก “Southside Festival” พ.ย.นี้ และเปิดตัวภาพยนต์ใหม่ 1 เรื่อง หนุนผลงานปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน

นายขันเงิน  เนื้อนวล กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทซาเล็คต้า (ZAA) (ชื่อเดิม บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส  เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หรือ MPIC ) นำทีมผู้บริหารบริษัทแถลงแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท ภายหลังจากรีแบรนดดิ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจของกลุ่ม ZAA ว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัท มีเป้าหมายที่จะยกระดับสู่การเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แนวใหม่ครบวงจร ที่มีพันธมิตรด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ทั่วโลก เพื่อเพิ่มโอกาสนำไปสู่การลงทุนและทำธุรกิจใหม่ๆ  ที่เป็นเมกะเทรนด์โลก โดยวางเป้าหมายในอีก  3 ปีข้างหน้า  ZAA จะต้องเป็นผู้นำด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

“ผมเชื่อว่าดนตรีเป็น Black Bone สันหลังของ Entertainment ในหนังก็มีเพลงประกอบ เกมส์ก็มี จึงนำประสบการณ์จากการทำดนตรีและเพลงมาต่อยอด ซึ่งเรามีธงที่ชัดเจนในการยกระดับธุรกิจของ ZAA ไปสู่ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์แนวใหม่ แนวสร้างสรรค์ เพราะถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่กำลังมาแรง มีแนวโน้มเติบโตสูง ในปีหน้าจะเห็นภาพการรุกสู่ธุรกิจแนวใหม่ที่ครอบคลุมธุรกิจบันเทิงอย่างชัดเจน  มีโปรเจกต์ใหม่ๆ  ทั้งการจัดงาน Event  ต่างๆ   การจัดคอนเสิร์ต ที่มีศิลปินไทยและศิลปินระดับโลก  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกมิติ”นายขันเงิน กล่าว

ส่วนธุรกิจเดิมของกลุ่ม ZAA คือธุรกิจผลิตภาพยนตร์จะยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ  โดยปลายนี้มีแผนที่จะเปิดตัวภาพยนต์ใหม่อีก 1 เรื่อง  ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้บริษัทมีแนวคิดที่จะนำธุรกิจใหม่ ๆ เข้าไปเชื่อมโยงต่อยอดกับธุรกิจเดิม  เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเดิม  

ด้านนายทรงพล เชาวนโยธิน ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายปฏิบัติการ ZAA กล่าวว่า โครงสร้างธุรกิจของ ZAA ประกอบด้วย 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจภาพยนตร์ 2. ธุรกิจเพลง การจัดคอนเสิร์ต และ Music festival 3. ธุรกิจอีเว้นท์ และ 4. ธุรกิจ Vibe Setter ในการสร้างประสบการณ์ของศิลปินและกลุ่มแฟนคลับ หรือการจัดแสงสีภายในอาคารหรือสถานที่ต่างๆ

ล่าสุด บริษัทฯได้ร่วมมือกับพันธมิตร 3 ด้านในการสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ประกอบด้วย นายเป็นเอก รัตนเรือง ผู้กำกับและนักเขียนบทภาพยนตร์ชื่อดัง ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านภาพยนตร์ และมี Wednesday Co., Ltd. ซึ่งทำ event & festival เป็นพันธมิตรในการจัดอีเว้นท์และ festival และมี Muze Innovation เป็นพันธมิตรด้าน Tech partner- digital vibe setter ใช้แพลตฟอร์มในการขับเคลื่อนธุรกิจ

“ปัจจุบันธุรกิจภาพยนตร์ยังคงมีสัดส่วนรายได้มากสุดเกือบ 100% แต่ในปี 2567 จะเริ่มมีรายได้จากธุรกิจอีเว้นท์มากขึ้น ซึ่งจะมีการจัดอีเว้นท์ในเบื้องต้น 3-4 อีเว้นท์ ในปี 2567 โดยปีนี้ประเดิมอีเว้นท์แรกในเดือนพ.ย. 2566 งาน Southside Fest คอนเสิร์ต ที่ภูเก็ต รวมทั้งมีแผนเปิดตัวภาพยนตร์ใหม่ 1 เรื่องในไตรมาส 4 นี้ จากที่มีอยู่ 4-5 เรื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ผลดำเนินงานในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน”นายทรงพล กล่าว

พร้อมกันนี้ตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 จะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% สัดส่วนรายได้จะมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหญ่ เช่น การจัดอีเว้นท์ คอนเสิร์ต ตลอดจนการให้การสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ โดยธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะเริ่มในปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งมองว่าการที่ภาครัฐมีการสนับสนุน Soft Power อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสในการขยับเข้าสู่ธุรกิจอีเว้นท์ของบริษัท การปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม ZAA ในครั้งนี้จึงมองว่าส่งผลให้ผลการดำเนินของบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง