FETCO เปิดไทม์ไลน์ความมั่งคั่งไทย 4 จุดเปลี่ยน ดัน 4 เครื่องยนต์ศก.วิ่ง

HoonSmart.com>>FETCO เผย 4 ปัจจัยฉุดเศรษฐกิจโลกกำลังถูกปลดล็อค ดัน 4 เครื่องยนต์สร้างความมั่งคั่งไทยวิ่ง สินทรัพย์พุ่ง แนะเลือกหุ้นให้ถูก ลดผันผวน

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า 4 ปัจจัยหลักที่ฉุดเศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนไป ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังฟื้นตัว รวมถึงไทย ประกอบด้วย
1.การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง สภาพคล่องเพิ่มขึ้น
2.ภาวะเงินเฟ้อจบแล้ว ทำให้ความผันผวนตลาดการเงินโลกลดลง 3.การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกากำลังจะออกมาแล้ว แต่ไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดี การลดอัตราดอกเบี้ยจะยังเกิดขึ้นต่อไป แต่เรื่องที่ 4. วิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน ยังไม่เห็นสัญญาญการถึงจุดกลับตัว หรือจุดฟื้นตัว

“อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะใช้เวลาไปถึงสิ้นปี 2568 หลังจากนั้น 1 ปีให้หลัง เศรษฐกิจจะฟื้นการบริโภค การผลิต สภาพคล่องล้น เงินจะวิ่งหาสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ราคาสินทรัพย์พุ่งขึ้น ซึ่งวันนี้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นทำนิวไฮ คริปโต ก็ทำนิวไฮ “ดร.กอบศักดิ์ กล่าว

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะเห็นการฟื้นตัว จะเห็นสภาพของเศรษฐกิจถดถอย ตลาดหุ้นจะตกอยู่ในสภาพ 3 วันดี 4 วันไข้ อย่ากังวลใจ เพราะช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงทิศทางขาลง จะเป็นช่วงที่สามารถบริหารจัดการได้ดีที่สุด แม้จะถดถอยจะเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ และจะลงไม่ลึก หากเกิดสิ่งไม่คาดฝันจะสามารถผ่านไปได้เร็ว

4 เครื่องยนต์เศรษฐกิจขยับแล้ว
ด้านเศรษฐกิจไทย คาดว่าปีนี้จะโต 2.7% ปี 2568 จะโต 2.9%-3% 4 เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ประกอบด้วย 1. การส่งออกดีขึ้น 2.การท่องเที่ยวดีขึ้น ซึ่งขณะนี้เห็นชัดถึงการฟื้นตัว โดย 10 เดือนแรกเข้ามาแล้ว 29 ล้านคน และในเดือน พ.ย.นี้เข้ามาแล้ววันละ 1 แสนคน
3.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นการฟื้ฟูภาคเหนือหลังน้ำท่วม
4.เงินลงทุนจากต่างประเทศเริ่มกลับมาแล้ว ในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ของกูเกิล และบริษัทอื่นๆ เมื่อบริษัทแม่มาแล้ว บริษัทลูก และธุรกิจเกี่ยวเนื่องจะเกิดขึ้น

แนะ 3 พลังเร่งจีดีพีโต

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องแก้ 2 ปัญหา และ 1 ส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้แรงและยั่งยืน ประกอบด้วย
1.เคลียร์หนี้เสียภาคครัวเรือนได้
2.ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กเข้าถึงสินเชื่อ
3.ส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ผ่านเงินลงทุนทางตรง หรือ FDI ให้เข้ามาได้ง่าย ด้วยการให้สิทธิพิเศษต่างๆ

คาดหุ้นสิ้นปีอยู่แถว 1,494 จุด

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า สมาคมนักวิเคราะห์นักวิเคราะห์การลงทุน(IAA) คาดว่าสิ้นปี 2567 ดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ที่ 1,494 จุด และปี 2568 จะอยู่ที่ 1,614 จุด โดยกลุ่มที่น่าลงทุนคือกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มธนาคาร กลุ่มการแพทย์

“เมื่อเศรษฐกิจฟื้น ภาคเอกชนจะมีการลงทุนเพิ่ม ธนาคารจะปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น หนี้เสียจะลดลง จากการที่ต้นทุนทางการเงินลดลง บริษัทไทยจะเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ และบริษัทต่างประเทศจะเข้ามาในไทย ทำให้สินเชื่อขยายตัว” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า ปี 2568 จะมีการขอลดหย่อนภาษีกองทุนการศึกษาลูก ที่อยู่ระหว่างเตรียมการ และขอต่ออายุกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ซึ่งจะมีการนำไปหารือกับกระทรวงการคลังช่วงที่มีการรายงานผลการขายกองทุน Thai ESG