ประชาชนได้อะไร..จากการใช้”เอไอ”ของบริษัทประกันภัย

HoonSmart.com>>ธุรกิจประกันวินาศภัย ยันการขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมเอไอ ดิจิทัลเทคโนโลยี ช่วยผู้บริโภคลดต้นทุนทางการเงิน เปิดช่องทางเข้าถึงผลิตภัณฑ์บริหารความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยในชีวิต-ทรัพย์สินได้ตรงจุด – สร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ใหม่ๆ ยันมุ่งหน้าพัฒนาสินค้า-บริการหวังสร้างประสบการณ์ที่ดีในระยะยาว

สมาคมประกันวินาศภัยไทย จัดงาน CEO TALK ครั้งที่ 1 ขึ้นในหัวข้อ “Are you Ready for the Next Frontier? Propelling Growth through AI Tools & Innovation” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล Chief Executive Officer บริษัท ไทยวิวัฒน์โฮลดิ้งส์ (TVH) และ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย นายสมพร สืบถวิลกุล Chief Executive Officer บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TIPH)  Managing Director บริษัท ทิพยประกันภัย และ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และ นายอธิคม กาญจนวิภู Executive Vice President, Digital & Technology Transformation บริษัท น้ำตาลมิตรผล 
ทั้งนี้ ทางทีมงาน HoonSmart.com ได้ทำการสรุปในส่วนของประโยชน์ที่ประชาชนจะได้จากการที่บริษัทประกันวินาศภัยขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมเอไอเทคโนโลยี (ปัญญาประดิษฐ์ AI : Artificial Intelligence)  ดังนี้
บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทยนำนวัตกรรมเอไอ และดิจิทัลเทคโนโลยี มาขับเคลื่อนองค์กรและจะสร้างระบบนิเวศดิจิทัลขึ้นในธุรกิจประกันภัยไทยในปัจจุบันและอนาคต จะช่วยช่วยลดต้นทุน เพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วแล้ว “ประชาชนในฐานะผู้บริโภคและลูกค้า” ยังจะได้ประโยชน์ร่วมกัน เพราะเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ครบทุกมิติ ทั้งในเชิงลึก และมุมกว้าง ตามไลฟสไตล์ของแต่ละคน
ลดต้นทุนทางการเงิน เมื่อบริษัทประกันวินาศภัยมีต้นทุนทางการเงินลดลง มีกำไรเพิ่มขึ้น ราคาเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่จะมีราคาถูกลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะถูกลงทั้งหมด เพราะเบี้ยประกันภัยจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงด้วย เช่น รถยนต์ไฟฟ้า เบี้ยประกันภัยจะแพง เพราะแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูง คิดเป็น 70-80% ของมูลค่ารถ 
คนตัวเล็กเข้าถึงความคุ้มครอง ทำให้ประชาชนที่กำลังซื้อไม่มากสามารถเข้าถึงประกันภัยได้ เพราะเทคโนโลยีจะสามารถออกแบบประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ขนาดเล็ก เช่น ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันสุขภาพ เบี้ยประกันภัยต่ำ ค่านายหน้าน้อย ทำให้ตัวแทนนายหน้าไม่อยากขายเพราะไม่คุ้ม เทคโนโลยีจะเข้ามาแทนที่ในการเป็นช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงความคุ้มครองได้มากขึ้น จะได้รับความสะดวกรวดเร็ว ซื้อประกันภัยได้สะดวก สามารถซื้อได้ตามเวลาที่ต้องการ
เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้สะดวก และง่าย เช่นประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบัน สามารถทำเรื่องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ ณ จุดเกิดเหตุด้วยตัวเอง ผ่านแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ
สื่อสารกับบริษัทประกันภัยได้ตลอดเวลา สามารถแสดงความคิดเห็น เรียกร้องสิ่งที่อยากให้ปรับปรุงได้โดยตรง  ทำให้บริษัทประกันภัย และตัวแทนนายหน้า นำไปพัฒนาให้ดีขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว
เห็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการประกันภัยได้มากขึ้น สามารถเลือกแบบประกันได้จากหลายบริษัทในเวลาอันรวดเร็ว
กลั่นกรองพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของลูกค้าบางกลุ่ม ที่เกิดการเคลมหรือเรียกร้องค่าสินไหมอย่างไม่ตรงไปตรงมาหรือที่เรียกว่าทุจริตออกไปจากระบบได้ เช่น ใช้เอไอเก็บสถิติเวลาการเกิดเหตุ ผูกโยงกับอายุคนขับ ระดับความเสียหาย ที่จะส่งสัญญาณให้บริษัทประกันภัยต้องระมัดระวัง สามารถลดการทุจริตลงได้ จะทำให้ประชาชนได้เบี้ยประกันภัยในราคาที่สอดคล้องกับความเห็นจริง ซึ่งเดิมเป็นต้นทุนของบริษัทประกันภัยที่ถูกรวมเข้ามาในเบี้ยประกันภัย
มุมของประกันภัยพืชผล จะช่วยให้เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ลดความเสี่ยงลงได้ มีความมั่นคง และเพิ่มช่องทางในการหารายได้ใหม่ๆ เข้ามา เช่น การทำเรื่องคาร์บอนเครดิต เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ดูเรื่องภัยน้ำท่วม ยังสามารถดูความลึกของพื้นดิน ข้าวบางพันธ์แช่น้ำได้นาน หรือเรื่องอ้อย สามารถดูได้ว่าจะมีผลผลิตต่อไร่เท่าไหร่ รวมไปถึงการใช้โดรนตรวจสอบสุขภาพพืชไร่ ให้ยา ใส่ปุ๋ย ทดสอบความชื้น แล้วให้ความรู้เพื่อดูแลพืชไร่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำมาใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยที่สมเหตุสมผล เมื่อเกิดเหตุก็ได้รับการชดใช้ อยู่ได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีจะเข้ามาในแทบทุกกระบวนการการทำงาน ทั้งออกแบบสินค้า ออกกรมธรรม์ ทำเคลม ตอบคำถามลูกค้า ไปจนถึงศึกษาพฤติกรรมจนรู้รายละเอียดในชีวิตประจำวันของลูกค้า แต่จะไม่ทำให้บริษัทประกันภัยห่างจากลูกค้า ตรงกันข้ามจะทำให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น เพราะจะมีเวลาและนำต้นทุนไปพัฒนาสิ่งต่างๆให้ทันกับความต้องการของประชาชน
ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี ยังจะทำให้พนักงาน และตัวแทนนายหน้า มีเวลาไปกับการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ เช่น พนักงานมีเวลาในการคิดค้น ทดลอง ทดสอบ บริการ หรือ สินค้าใหม่ๆ ออกมา ขณะที่ตัวแทนนายหน้า สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการลูกค้า หรือ คุยกับลูกค้าได้วันละเป็น 1,000 คนได้ จากเดิมที่อาจจะพูดคุยกับลูกค้าได้แค่วันละไม่กี่สิบคน และพัฒนาทักษะที่สูงขึ้น เช่น การขายผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะด้าน เบี้ยราคาสูง จะทำให้มีรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ เอไอเทคโนโลยี ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ง่าย หรือที่เรียกว่าจะเกิดระบบนิเวศน์ ทำให้เรื่องยากๆ กลายเป็นเรื่องง่าย ทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันและเติบโตไปได้ด้วยกัน