ดาวโจนส์ปิดบวก 43 จุด จับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 43 จุด หลังปิดลบติดต่อกัน 4 วัน นักลงทุนเริ่มเลิกกังวลต่อการส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็นเวลานานของเฟด จับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางที่ชัดเจนของดอกเบี้ย “ราคาน้ำมันดิบ WTI” ลดลง 35 เซนต์ ปิดต่ำกว่า 90 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 25 กันยายน 2566 ที่ 34,006.88 จุด เพิ่มขึ้น 43.04 จุด หรือ 0.13% หลังจากที่ปิดลบติดกัน 4 วัน นักลงทุนเริ่มเลิกกังวลต่อการส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็นเวลานานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และหันมาจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางที่ชัดเจนของอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,337.44 จุด เพิ่มขึ้น 17.38 จุด, +0.40%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,271.32 จุด เพิ่มขึ้น 59.51 จุด, +0.45%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาที่ 4.542% หลังจากแตะระดับสูงสุด 4.57% นับตั้งแต่ปี 2007 แต่นักลงทุนไม่ได้ให้ความสำคัญ หุ้น Dow บริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ปรับขึ้น 1.7% มากสุดในบรรดาหุ้นที่อยู่ในดัชนี DJ30 ขณะที่ 8 ใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมในดัชนีS&P 500 อยู่ในแดนบวก นำโดยกลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น 1.3%

หุ้นแอมะซอนบวกกว่า 1% หลังประกาศจะลงทุนเพิ่ม 4 พันล้านดอลลาร์ในบริษัท Anthropic ที่พัฒนาเทคโนโลยี AI

นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมรวม (GDP) ไตรมาส 2 ปีนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนสิงหาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ขณะเดียวกันนายออสตัน กูสบี ประธานเฟดสาขาชิคาโกให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า เงินเฟ้อที่สูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% นั้น ยังคงเป็นความเสี่ยงที่มากกว่าการที่เฟดใช้นโยบายการเงินเข้มงวดและมีผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องปิดทำการ(shutdown) เพราะเหลือเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ที่สภาคองเกรสจะต้องมีความคืบหน้าในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว และส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายภายในวันที่ 30 กันยายน

และเมื่อวานนี้ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ออกรายงานเตือนล่าสุดว่า การshutdown ของหน่วยงานของรัฐบาล จะส่งผลกระทบทางลบ(credit negative) ต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน จากความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยูในระดับสูงเป็นเวลานาน ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนหลังภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีสัญญานเรื่องหนี้มากขึ้น โดยเฉพาะบริษัท China Evergrande

หุ้นกลุ่มสินค้าหรูที่มีตลาดในจีน ทั้งหุ้น LVMH และ หุ้น Kering ลดลง 2.6% และ 4.5% ตามลำดับ

กลุ่มเหมืองแร่ลดลง 0.8% จากราคาโลหะที่อ่อนตัวลงจากสินค้าคงคลังที่สูงขึ้น และความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะสูงขึ้นในระยะยาว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความกังวลให้กับตลาดหุ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนระยะยาวปรับเพิ่มขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปีของเยอรมนีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554

นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงของธนาคารกลางสามารถช่วยลดอัตราเงินเฟ้อลงเหลือ 2% ได้ ซึ่งถือเป็นการย้ำการส่งสัญญาIของECB ที่ไม่ได้ให้คำมั่นหรือปฏิเสธการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 450.44 จุด ลดลง 2.82% จุด,-0.62%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,623.99 จุด ลดลง 59.92 จุด, -0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,123.88 จุด ลดลง 60.94 จุด, -0.85
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,405.49 จุด ลดลง 151.80 จุด, -0.98%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือพฤศจิกายน ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.39% ปิดที่ 89.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน. เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 93.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล