ดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 409 จุด วิตกแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ดิ่ง 409 จุด หลังบอนด์ยีลด์ยังปรับสูงขึ้น กดดดันหุ้นขนาดใหญ่ นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงมาก ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 23ตุลาคม ปิดที่ 42,514.95 จุด ลดลง 409.94 จุด หรือ -0.96% ลดลงภายในวันเดียวที่มากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ยังปรับสูงขึ้น กดดันหุ้นใหญ่ และนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยลงมาก ขณะที่ข่าวรายตัวกระทบหุ้น McDonald’s และ Coca-Cola

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ ที่ 5,797.42 จุด ลดลง 53.78 จุด, -0.92%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,276.65 จุด ลดลง 296.47 จุด, -1.60%

ทั้งดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปรับลงติดต่อกันเป็นวันที่สาม

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 4.25% นักลงทุนประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากันใหม่ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมีขึ้น

นายโทมัส บาร์คิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า การคุมอัตราเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย 2% ของเฟดอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจำกัดการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

เบรนท์ ชูตเต ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Northwestern Mutual Wealth Management กล่าวว่า ทั้งหมดทั้งปวงคือผลกระทบของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ตลาดกำลังปรับความเป็นไปได้ที่เฟดจะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อย่างมาก มีบางส่วนของเศรษฐกิจที่ยังไม่รู้สึกถึงผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยที่สูงนาน ภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจก็ยิ่งต้องปรับรับความเป็นจริง เศรษฐกิจไม่อยู่ในดุลยภาพ

นอกจากนี้ ภาคส่วนที่มีมูลค่าสูงเกินไปมากที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือหุ้นขนาดใหญ่ และเขาเชื่อว่าตลาดน่าจะปรับลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากความเสี่ยงจากภาวะถดถอยยังคงมีอยู่

หุ้นใหญ่( Megacap) ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยหุ้น Apple และ Nvidia ลดลงกว่า 2% หุ้น Meta Platforms ลดลง 3% ขณะที่หุ้น Netflix และหุ้น Amazon ลดลงประมาณ 2%

หุ้น McDonald’s ซึ่งอยู่ในดัชนีดาวโจนส์ ปิดลดลงกว่า 5% หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯกล่าวว่า พบการระบาดของเชื้ออี. โคไล เชื่อมโยงกับเบอร์เกอร์ควอเตอร์พาวเดอร์ของบริษัท ส่งผลให้มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 10 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย

หุ้น Coca-Cola ลดลง 2.07% หลังจากบริษัทคงคาดการณ์ผลกำไรทั้งปี แม้คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นก็ตาม

หุ้น Boeing ลดลง 1.76% หลังจากบริษัทรายงานผลขาดทุนกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 จากผลกระทบของการนัดหยุดงานของพนักงานกว่า 30,000 คน สหภาพแรงงานจะลงมติเรื่องข้อตกลงสัญญาใหม่ ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการนัดหยุดงานจะยุติลงหรือไม่หลังยืดเยื้อมา 5 สัปดาห์แล้ว

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานเมื่อคืนนี้ เฟดเผยแพร่รายงานภาวะเศรษฐกิจ(Beige Book) ผลสำรวจพบว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนกันยายนมาจนถึงต้นเดือนตุลาคมแทบไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ภาคธุรกิจมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ตลาดยุโรปปิดลบ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ขณะที่ผลการดำเนินงานที่อ่อนแอจากกลุ่มบริษัทใหญ่เช่น Deutsche Bank ธนาคารใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และ L’Oreal ยักษ์ใหญ่ด้านความงามกดดันความเชื่อมั่น

ตลาดหุ้นหลัก ๆ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ก็ปิดลบเช่นกัน

กลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ลดลง 1.4% โดย หุ้นBoliden ของสวีเดนลดลง 2.3% หลังจาก UBS ปรับลดคำแนะนำ เป็น ขาย จาก neutral

ปัจจัยหลักคือผลประกอบการ โดยหุ้น Deutsche Bank ลดลง 2% หลังจากปรับเพิ่มการคาดการณ์หนี้เสียท่ามกลางเศรษฐกิจเยอรมันที่อ่อนแอ ซึ่งกลบการกลับมาทำกำไรในไตรมาสที่สาม

ดัชนีกลุ่มธนาคารยุโรป ลดลง 0.5%

หุ้น L’Oreal ลดลง 2.5% หลังจากยอดขายในไตรมาสสามต่ำกว่าคาด เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์ความงามในจีนลดลง และการเติบโตที่ชะลอลงในแผนกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

กลุ่มรถยนต์ปรับขึ้นด้วย หุ้นStellatis เพิ่มขึ้น 3% หุ้น Volvo Cars จากสวีเดน ลดลง 5.9% หลังจากปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของยอดขายทั้งปี

นอกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูการเลือกตั้งสหรัฐฯ และทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักๆ

ฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอของยูโรโซน ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 518.84 จุด ลดลง 1.56 จุด หรือ -0.30%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,258.64 จุด ลดลง 47.90 จุด หรือ -0.58%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,497.48 จุด ลดลง 37.62 จุด หรือ -0.50%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,377.62 จุด ลดลง 44.29 จุด หรือ -0.23%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.35% ปิดที่ 70.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 74.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล