ตลาดทุนตื่น!สรรพากรรื้อภาษี ลงทุนตปท.ต้องจ่าย ยกเครื่องภาษีมรดก

HoonSmart.com>>ป่วน!วงการตลาดทุน สรรพากรออกคำสั่งเก็บภาษีรายได้จากการลงทุนต่างประเทศ ไม่ได้ยกเว้นนำเข้าปีต่อไปไม่ต้องจ่าย เริ่ม 1 ม.ค.67  อ้างหลักสากล สร้างความเป็นธรรม จัดเฮียริ่งก่อนออกหลักเกณฑ์-วิธีการเสียภาษี  คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกค้ากลุ่มไพรเวท ฟันด์ ที่สถาบันการเงินต่างแนะนำให้ออกไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในไทยและบริหารความเสี่ยง “ลวรณ-อธิบดี”รับโจทย์จาก”เศรษฐา”ยกเครื่องภาษีมรดก ส่งสัญญาณเพิ่มอัตราให้เหมาะสมกับปัจจุบัน อ้างตอนเริ่มใช้เก็บน้อย

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยกรณีคำสั่งกรมสรรพากร เรื่อง การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีบุคคลที่มีเงินได้จากต่างประเทศว่า ถือเป็นพัฒนาการตามกติกาภาษีโลกที่ไทยเข้าไปเป็นสมาชิก ซึ่งจะมีพัฒนาการด้านภาษีลักษณะนี้ออกมา เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรมสำหรับคนไทยที่ลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่มีรายได้ในลักษณะเดียวกันก็ควรจะเสียภาษีคล้าย ๆ กัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะมีผลบังคับใช้ กรมฯ จะมีการจัดประชุมกลุ่มย่อย (โฟกัสกรุ๊ป) ทั้งนักลงทุน ผู้เสียภาษี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจ รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะและความกังวลของแต่ละกลุ่มว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้การดำเนินการช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

“หลักการจัดเก็บภาษีเงินได้ของไทย มี 2 เรื่อง คือ หลักถิ่นที่อยู่ หากอยู่ในไทย 180 วัน และหลักการรับรู้รายได้ทั่วโลก เรามีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แลกเปลี่ยนข้อมูล ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริบทการจัดเก็บภาษีใน 2 หลักนี้เปลี่ยนไป ข้อมูลของคนไทยที่มีรายได้เกิดขึ้นในต่างประเทศ เมื่อก่อนอาจจะไม่รู้หรือไม่ค่อยรู้ หรือยากที่จะได้ข้อมูลชุดนี้มา แต่ต่อไปนี้จะเป็นแบบออโตเมติกส์ หรือว่าสามารถรู้ได้ในกรณีร้องขอ ทำให้เราต้องเปลี่ยนบริบทของการกำหนดเงื่อนไข ว่าเงื่อนไขลักษณะไหนจะต้องเสียภาษีบ้าง” นายลวรณ กล่าว

อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า จะไม่มีการเก็บภาษีดังกล่าวซ้ำซ้อนอย่างแน่นอน เพราะไทยมีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับอีกหลายประเทศที่เป็นประเทศคู่ค้า ดังนั้น หากผู้ลงทุนเสียภาษีกับประเทศไหนแล้ว ก็ต้องเป็นไปตามอนุสัญญาภาษีซ้อน จะไม่มีการมาเสียภาษีที่ไทยอีก ในระยะยาวเชื่อว่าจะมีการแก้ไขประมวลรัษฎากรเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น และเพื่อทำให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรมสำหรับคนไทยที่ลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ

“กรมฯ มองเรื่องความเป็นธรรมในการเสียภาษีเป็นหลัก คนไทยไม่ว่าจะลงทุนที่ไหนก็ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องและเท่าเทียม  โดยยังไม่ได้ประมาณการเรื่องรายได้ การแก้ไขเรื่องหลักการและวิธีการที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามบริบทด้านภาษี และกติกาภาษีของโลก เชื่อว่าประกาศที่ออกมาตอนนี้คงไม่ใช่ฉบับเดียว หลังจากนี้อาจจะมีเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการตามออกมาอีกในอนาคต” นายลวรณ กล่าว

สำหรับคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161/2566 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 41  เพื่อให้เจ้าพนักงานสรรพากรถือเป็นแนวทางปฏิบัติ ในการตรวจและแนะนำผู้อยู่ในประเทศไทยที่มีเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 ในปีภาษีที่ล่วงมาแล้ว เนื่องจากหน้าที่การงานหรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ตามมาตรา 41 ในปีภาษีดังกล่าว และได้นำเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาในประเทศไทยในปีภาษีใดก็ตาม ให้บุคคลนั้นมีหน้าที่ต้องนำเงินได้พึงประเมินมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีที่ได้นำเงินได้พึงประเมินนั้นเข้ามาประเทศไทย โดยจะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป

“ผู้ที่มีรายได้จากต่างประเทศ และอาศัยอยู่ในไทยตั้งแต่ 180 วันขึ้นไป หากนำเงินเข้าประเทศไทยในปีไหน ก็ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้ในปีนั้น  จากเดิมถ้ามีรายได้จากต่างประเทศ และนำเงินกลับเข้าไทยในปีถัดไป ไม่ต้องเสียภาษี  คำสั่งที่ออกมาครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มไพรเวท ฟันด์ ที่สถาบันการเงินต่างแนะนำให้ออกไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในไทยและเป็นช่องทางในการบริหารความเสี่ยง  เช่นการลงทุนในหุ้น รวมถึงตราสารหนี้ ต่างประเทศ หากจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ทำให้ผลตอบแทนลดลง  ดังนั้นจะต้องปรับตัวหันไปหาการลงทุนในตราสารที่อ้างอิงราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ต่างประเทศแทน เช่น DR และ DRX “แหล่งข่าวกล่าว

 

นอกจากนี้ กรมสรรพากรได้รับการบ้านจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เรื่องภาษีมรดก โดยจะกลับไปดูในรายละเอียดว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีมรดกให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไรบ้าง หลังจากนั้นจะรีบเสนอให้รัฐบาลพิจารณาโดยเร็วที่สุด

“ต้องดูภาพรวมโครงสร้างภาษีมรดกทั้งหมด ทั้งอัตราภาษี และหลายส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เห็นภาพ โดยต้องยอมรับว่าในช่วงที่ประกาศใช้ภาษีมรดก ซึ่งถือเป็นภาษีใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความแตกตื่น อัตราการจัดเก็บจึงบาง ๆ แต่หลังจากนี้ก็คงต้องมาดู มาปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับปัจจุบันมากขึ้น” นายลวรณ กล่าว