HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 6 จุด นักลงทุนยังกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นและรอการรายงานผลการดำเนินงาน เพื่อประเมินฐานะของบริษัทจดทะเบียน ด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 22ตุลาคม ปิดที่ 42,924.89 จุด ลดลง 6.71 จุด หรือ -0.02% นักลงทุนยังกังวลกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ยังเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รอการรายงานผลการดำเนินงานเพื่อประเมินฐานะของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,851.20 จุด ลดลง 2.78 จุด, -0.05%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,573.13 จุด เพิ่มขึ้น 33.12 จุด, +0.18%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีในช่วงแรกปรับขึ้นไปที่เหนือระดับ 4.222% เป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนนับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ก่อนที่จะถอยลงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนประเมินความคาดหวังใหม่เกี่ยวกับทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐเฟด) และจากความเห็นที่ระมัดระวังของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้เพิ่มขึ้น นับตั้งแต่เฟดปรับลดดอกเบี้ย 0.50% เมื่อเดือนที่แล้ว ส่วนหนึ่งของอาจเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่การปรับขึ้นบางส่วนนั้นเกิดจากมุมมองทางลบว่า เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก เทรดเดอร์มองว่ามีโอกาส 91% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปของเฟด ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันที่ 7 พฤศจิกายน ตามข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME
ไมเคิล กรีน ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Simplify Asset Management กล่าว ว่า ประเด็นหลัก คือความกังวลที่ว่าเฟดทำผิดพลาดด้านนโยบายโดยการปรับดอกเบี้ยเชิงรุกมากเกินไปในเดือนกันยายน ส่งผลกระทบจนมีการขายพันธบัตรทั่วโลก
ควินซี ครอสบี นักกลยุทธ์ระดับโลกของ LPL Financial กล่าวว่า ตลาดได้เข้าสู่ภาวะที่มีการซื้อมากเกินไป ทำให้มีความเสี่ยงต่อทุกสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นเชิงลบ และตอนนี้ก็กังวลว่าเฟดไม่ได้ประกาศชัยชนะจากภาวะเงินเฟ้อ ยังไม่ต้องพูดถึงข้อกังวลหลังการเลือกตั้ง
หุ้นกลุ่มรับสร้างบ้านลดลงจากความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและนานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้น Lennar และหุ้น D.R. ฮอร์ตัน ต่างลดลงกว่า 3%
นักลงทุนยังจับตาการรายงานผลประกอบการชุดใหม่ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ ทั้งจากTesla และ Coca-Cola ในวันพุธและHoneywell ในวันพฤหัสบดี
ในวันอังคารที่ผ่านมาหุ้น General Motors เพิ่มขึ้นเกือบ 10% หลังจากผลการดำเนินงานไตรมาสสามดีกว่าการคาดการณ์ของตลาดและปรับเพิ่มคาดการณ์ทั้งปี หุ้น Philip Morris เพิ่มขึ้นประมาณ 10% หลังจากปรับเพิ่มการคาดการณ์กำไรทั้งปี ขณะที่หุ้น Verizon ลดลง 5% หลังจากรายได้รวมต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้น Lockheed Martin ดิ่งลง 6% หลังประกาศยอดขายรายไตรมาสต่ำกว่าคาด
หุ้น GE Aerospace ร่วงลง 9% แม้ปรับเพิ่มการคาดการณ์กำไรในปี 2024 เนื่องจากข้อจำกัดด้านอุปทานอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อรายได้ และถ่วงดัชนีอุตสาหกรรมให้ลดลง 1.19%
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าตลาดมีแนวโน้มที่จะผันผวน จากการรายงานผลประกอบการของบริษัท ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด และผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ตามด้วยการประชุมของเฟด
ตลาดยุโรปปิดลบ นักลงทุนเกาะติดต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมืองและทั่วโลก รวมไปถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่แนวโน้มที่แข็งแกร่งของบริษัท SAP ของเยอรมนี ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้เพิ่มขึ้นและจำกัดการลดลงบางส่วน
อัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นของพันธบัตรของเยอรมันยังกดดันหุ้นด้วย โดยกลุ่มสาธารณูปโภคนำการปรับลง
กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า เยอรมนีจะมีการเติบโตเป็นศูนย์ในปีนี้ และจะส่งผลกระทบต่อยูโรโซนในวงกว้าง
ปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อตลาด ได้แก่ การเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน ความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่
เทรดเดอร์มองว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB)จะลดตดอกเบี้ยลงประมาณ 1.30%ภายในสิ้นปี 2568 ขณะที่ประธาน ECB นางคริสติน ลาการ์ดกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในสหภาพยุโรปอาจลดลงเหลือ 2% เร็วกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้
หุ้น SAP บริษัทซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 2.1%และหนุนกลุ่มเทคโนโลยีให้เพิ่มขึ้น 0.9% หลังจากที่บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายทั้งปีในด้านธุรกิจคลาวด์ที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่สาม
หุ้น Saab ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ทางการทหารเพิ่มขึ้น 8.9% หลังจากกล่าวว่ากำไรจากการดำเนินงานรายไตรมาสสูงกว่าที่คาดไว้และคงแนวโน้มของทั้งปี
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 520.40 จุด ลดลง 1.12 จุด, -0.21%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,306.54 จุด ลดลง 11.70 จุด, -0.14%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,535.10 จุด ลดลง 1.13 จุด, -0.01%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,421.91 จุด ลดลง 39.28 จุด, -0.20%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 2.17% ปิดที่ 72.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 76.04ดอลลาร์ต่อบาร์เรล