ดาวโจนส์ปิดบวก 161 จุด หุ้นชิป-ยอดค้าปลีกหนุน

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 161 จุด เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ข้อมูลยอดค้าปลีกสูงเกินคาด นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มเชิงบวกของ TSMC หนุนหุ้นของผู้ผลิตชิป ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น ด้าน “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก ธนาคารกลางยุโรป(ECB)ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 17 ตุลาคม ปิดที่ 43,239.05 จุด เพิ่มขึ้น 161.35 จุด หรือ +0.37% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จากข้อมูลยอดค้าปลีกที่สูงเกินคาดซึ่งบ่งชี้ถึงผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง และการคาดการณ์แนวโน้มเชิงบวกของ TSMC หนุนหุ้นของผู้ผลิตชิป

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,841.47 จุด ลดลง 1.00 จุด, -0.02% แม้ทำลายสถิติระหว่างวันในช่วงแรกของการซื้อขาย จากหุ้นผู้ผลิตชิป AI เริ่มฟื้นตัว
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,373.61 จุด เพิ่มขึ้น 6.53 จุด, +0.04%

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปปรับขึ้นโดดเด่นแม้อ่อนตัวลงบ้างในช่วงปิดตลาด โดยหุ้น Nvidia ปิดเพิ่มขึ้น 0.9% หลังจากแตะระดับ all-time high ใหม่ หลังจาก Taiwan Semiconductor Manufacturing Co ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของ Nvidia และผู้ผลิตชิปรายอื่น รายงานผลประกอบการไตรมาสสามที่แข็งแกร่งเกินคาดและปรับเพิ่มการคาดการณ์รายได้ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปีจากความต้องการชิป AI หุ้น TSMC ที่จดทะเบียนในสหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 9.8%

หุ้นชิปอื่น ๆ ปรับตัวขึ้นด้วย ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์(SE Semiconductor index )ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียเพิ่มขึ้น 1%

ข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีก็มีส่วนหนุน สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัว โดยยอดค้าปลีกเดือนกันยายนแสดงให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงแข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 1.74% ส่วนยอดค้าปลีกไม่รวมรถยนต์ เพิ่มขึ้น 0.5% สูงกว่า 0.1% ที่คาดการณ์ไว้มาก

นอกจากนี้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค. ก็ต่ำกว่าที่คาดไว้เช่นกัน กระทรวงแรงงานรายงานว่าจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 19,000 ราย มาที่ 241,000 ราย ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่า 262,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

จอช แจมเนอร์ นักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนของ ClearBridge Investments กล่าวว่านักลงทุนประเมินการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจและผลประกอบใหม่ เนื่องจากข้อมูลที่แข็งแกร่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกำลังมองว่าบริษัทและกลุ่มไหนที่จะนำตลาดขึ้น และเมื่อไรที่จะสลับการซื้อขายเข้ามาในกลุ่มนี้ หลังจากหุ้นยักษ์ใหญ่หนุนให้ตลาดพุ่งขึ้นมาหลายเดือน

หุ้น Travellers Companies บริษัทประกันภัยและหุ้น Blackstone Group บริษัทจัดการลงทุน ขยับขึ้น 9% และ 6.3% ตามลำดับ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสามสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด

หุ้นกลุ่มธนาคารในดัชนี S&P500 บวก 0.1% ปรับขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน จากการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่สาม ของธนาคารในภูมิภาคขนาดใหญ่หลายแห่ง โดยหุ้น M&T Bank และ หุ้นSynovus Financial เพิ่มขึ้นกว่า 5% แต่หุ้น Truist Financial ลดลง 3.5% และ หุ้นHuntington Bancshares ลดลง 2.6%

ตลาดยุโรปปิดบวกและห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ถึง 1% หลังจากธนาคารกลางยุโรป(ECB)ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด แม้ไม่ได้ส่งสัญญานถึงการดำเนินการครั้งต่อไป

ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากที่ลดลงติดกันสองวัน หุ้นตลาดหลักๆ ส่วนใหญ่ รวมถึงฝรั่งเศสและอิตาลี เพิ่มขึ้น และดัชนี DAX ของเยอรมนีปิดที่ระดับ all-time high

ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในขนาดใกล้เคียงกันในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารกลางให้กับธนาคารพาณิชย์ ในกรณีที่ธนาคารพาณิชย์เอาเงินมาฝากไว้กับธนาคารกลาง (deposit facility)ลงมาที่ 3.25%

สำนักงานสถิติยุโรปรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็วมาที่ 1.7% ในเดือนกันยายน จาก 2.2% ในเดือนสิงหาคม

หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตอาวุธนำการปรับตัวขึ้นของตลาด โดยเพิ่มขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นที่ขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มบริการด้านการเงิน, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นด้วย

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 523.91 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด, +0.83%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,385.13 จุด เพิ่มขึ้น 56.06 จุด, +0.67%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,583.73 จุด เพิ่มขึ้น 91.73 จุด, +1.22%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,583.39 จุด เพิ่มขึ้น 150.58 จุด, +0.77%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 70.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.31% ปิดที่ 74.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล