“AMATA”คาดกำไรครึ่งปีหลังแรง เน้นลดต้นทุน-อนาคตมุ่งนิคมฯไฮเทค

HoonSmart.com>>บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) คาดกำไรครึ่งปีหลังดีกว่า 6 เดือนแรก หลังผ่านวิกฤติโควิด รัฐบาลใหม่มีนโยบายด้านเศรษฐกิจชัด เรียกความมั่นใจคืนเดินหน้าลงทุนนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค เร่งลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร ยันถูกมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัทหลอกลวงประชาชนไม่กระทบการทำธุรกิจ

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า คาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะคาดว่าจะมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิดผ่านไปแล้ว และมีการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งมีโยบายมุ่งเน้นด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากก่อนหน้าที่มีการอั้น ไม่กล้าลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน ซึ่งเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมจีนของ AMATA มีโรงงานของนักลงทุนจีนอยู่ 200 แห่ง ที่มาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ อะไหล่ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการส่งออก

ทั้งนี้ ใน 6 เดือนแรก AMATA แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่ามีกำไรสุทธิ 1,053 ล้านบาท ลดลง 39.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งเป็นผลมาจากในปีนี้ไม่มีการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

นายวิกรม กล่าวว่า ในส่วนอมตะฯจะสานต่อธุรกิจเดิม เช่น การขายที่ดินน่าจะทำได้มากกว่าครึ่งปีแรก และเดินหน้าลงทุนนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ที่มุ่งเน้นตวัตกรรมใหม่ๆ สอง ปรับไปสู่นิคมอุตสาหกรรมที่เน้นนวตกรรมใหม่ๆ ใช้ไฮเทคโนโลยีเป็นหลัก และสามลดต้นทุนการดำเนินงานด้านคนและด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

“ในส่วนการขยายธุรกิจที่จะไปอินเดีย ตอนนี้เราไม่ทำแล้ว เพราะหลังจากทำการศึกษาหาข้อมูลแล้ว พบว่าต้นทุนสูงมาก การแข่งขันรุนแรง ก็เลยไม่ทำ และเราก็มีหนี้เยอะมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท จึงหันมาลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ส่วนนิคมฯที่ลาว ก็เริ่มแล้วและบางส่วนกำลังออกแบบเวนคืนที่ดิน”นายวิกรม กล่าว

นายวิกรม กล่าวว่า การที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีนโยบายมุ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจ นับเป็นสัญญาณที่เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ แต่ต้องทำต้นทุนให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านให้ได้ จากปัจจุบันไทยมีต้นทุนที่สูง ต้นทุนในที่นี้ก็มีเรื่องอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ราคาพลังงาน สูง ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันไปลงทุนที่เวียดนาม สิงคโปร์ ทั้งๆ ที่ประเทศเหล่านั้นขาดหลายอย่าง เช่น เวียดนาม ไฟขาด แต่ไทยเรามีเพียงพอ เพราะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ EGAT จะเพิ่มกำลังการผลิตทุกปี ปีละ 12% เป็นการเตรียมไฟไว้ล่วงหน้ารองรับการลงทุนได้

“ภูมิศาสตร์ไทยได้เปรียบประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ เสียอย่างเดียวต้นทุนการลงทุนสูง ทำให้ต่างชาติไม่มา ไหลไปเวียดนามที่ต้นทุนการเงินต่ำ อย่างเกาหลีเข้ามาลงทุนในไทยร่วม 20 ปี มีโรงงานในไทยแค่ 400 แห่ง แต่ที่เวียดนามมีร่วม 9,000 แห่ง ใหญ่กว่าไทย 20 เท่า เพราะต้นทุนที่เวียดนามถูกกว่า”นายวิกรม กล่าว

นายวิกรม กล่าวว่า กรณีที่มีมิจฉาชีพใช้ชื่อบริษัท AMATA ใช้ชื่อ และรูป นายวิกรม กรมดิษฐ์ ไปหลอกเชิญชวนนักลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนผ่านออนไลน์ ได้ร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำการติดตามซึ่งสามารถจับผู้ทำผิดได้เมื่อปลายปี 2565 ร่วม 50 ราย และในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจับกุมเพิ่มได้อีก 10 ราย มีประชาชนผู้เสียหายเป็นเงินกว่า 600 ล้านบาท

“อยากเตือนประชาชนว่าอย่าเชื่อหากมีคนใช้ผมไปชวนมาลงทุนซื้อหุ้น AMATA อย่าเชื่อ ในชีวิตผมกว่า 70 ปีมีชวนคนมาลงทุนแค่ไม่กี่คน คือผู้ถือหุ้นใหญ่ AMATA ในปัจจุบัน และชวนนักลงทุนรายย่อยแค่ครั้งเดียวคือตอนเอาบริษัทเข้าตลาดหุ้นเท่านั่น และในปัจจุบันไม่มีใครจ่ายผลตอบแทนสูงตามที่มิจฉาชีพหลอก อย่าไปเชื่อเด็ดขาด”นายวิกรม กล่าว

นายวิกรม กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจของ AMATA แต่เป็นการสร้างความไม่เชื่อมั่นต่อภาพรวมของประเทศไทย ต่อตลาดทุนไทย ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันกำจัดมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชนในรูปแบบนี้ ทำให้จริงจังเข้มข้น หากจับได้พบว่าเป็นคนชาติไหนก็ให้รัฐบาลประเทศนั่นๆ รับไปลงโทษ เช่น จีน หรือ สิงคโปร์ บางกรณีมีบทลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต