บล.บัวหลวงคาดหุ้นเด้งเหนือ1,500 คัด 6 หุ้นหลบภัย 9 หุ้นเก็งกำไร

HoonSmart.com>>บล.บัวหลวง คาดหุ้นเด้งเหนือ 1,500 จุด ก่อนปรับฐาน ให้เป้าสิ้นปี 1,430-1,450 จุด วางกลยุทธ์ลงทุน 1 ธีมหลักฝ่ากระแสเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกระทบส่งออกไทย ชู 3 ธีมเทรดเก็งกำไร คัด 6 หุ้นเด่นหลบภัย 9 หุ้นเทรดเก็งกำไร ลุ้นวันนี้ตลาดไปต่อ “แบงก์กรุงเทพ”ฟาดกำไรไตรมาส 3/67 ที่  12,476 ล้านบาท โต 9.92% รวม 9 เดือน 34,807 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 6.21%

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐาน สายงานวิจัย บล.บัวหลวง ให้เป้าหมายดัชนีหุ้นตลาดหลักทรัพย์สิ้นปี 2567 ที่ 1,430-1,450 จุด คาดต้นไตรมาส 4 เด้งเหนือ 1,500 จุด จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐที่ยังมีแรงสนับสนุนให้ตลาดหุ้นสร้างผลงานได้ดี ทั้งจากมาตรการการแจกเงิน เงินลงทุนของกองทุนวายุภักษ์หนึ่งที่เข้าซื้อหุ้นในตลาด

อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางถึงปลายไตรมาส 4 ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะจะเริ่มเห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จากสหรัฐอเมริกา และจีน ที่เห็นสัญญาณการชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งกระทบต่อการส่งออกของไทย และจะกระทบกับตลาดหุ้นด้วย จะทำให้ดัชนีฯปรับฐานมาอยู่บริเวณ 1,430-1,450 จุด

กลยุทธ์ลงทุน 1 ธีมหลัก 3 ธีมเก็งกำไร
สำหรับ ธีมหลักในการลงทุนไตรมาส 4 ปีนี้ มองความเสี่ยงอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจโลก จึงแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพสูง กลุ่ม Defensive หรือ หุ้นปลอดภัย ที่มีความทนทานต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงได้ หลักๆ แนะนำหุ้น CPALL,CPAXT,BH,BDMS,ADVANCE, GULF

ด้านเก็งกำไรวางไว้ 3 ธีม ธีมแรกคือธีมหลัก เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. โดยแนะนำ MTC,AOT ซึ่งเป็นเป้าหมายลงทุนของกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ที่ราคายังปรับขึ้นน้อยสุด และ CPN

“หลังจาก กนง.ลดอัตรดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดี เพราะถ้าดีไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ย เราคาดว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.25% ในช่วงปลายปี 2567 และต้นปี 2568 อีกรอบหนึ่ง 0.25% โดยประเมินจากอดีตของการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะมีการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากลดดอกเบี้ยไม่ต่อเนื่องจะไม่เห็นผลในเชิงของการกระตุ้นเศรษฐกิจ”นายพิริยพล กล่าว

นายพิริยพล กล่าวว่า ธีมที่ 2 อิงรายได้ไตรมาส 3/2567 คาดว่าหุ้นที่จะมีกำไรเติบโตโดดเด่น CBG จากการที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำดื่มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากต้นปีแชร์อยู่ที่ 22% มาเป็น 25% ถือว่าไม่ธรรมดา จึงคาดว่ารายได้ในไตรมาส 3 น่าจะสตรองมาก,หุ้น ITC ในส่วนของรายได้อาหารสัตว์ไตรมาส 3 แรงมาก และไตรมาส 4 จะแรงกว่าไตรมาส 3 ขณะที่แนวโน้มระยะยาวจะดีต่อเนื่องจึงคาดว่ากำไรน่าจะออกมาค่อนข้างดี และไตรมาส 4 เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวกลุ่มโรงแรมน่าจะโดดเด่น แนะนำหุ้น ERW

ธีมที่ 3 อิงเมกะเทรนด์ จากการที่ช่วงนี้เห็นทิศทางการย้ายฐานการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม และดาต้าเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง จากการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา และจะมีมากขึ้นในอนาคต จะหนุนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมด้วย แนะนำหุ้น AMATA,WHA และที่จะเป็นไฮไลท์คือ WHAUP

การย้ายฐานการผลิตมาไทย นิคมอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์ก่อน หลังจากใช้เวลาก่อสร้างราว 1 ปีเสร็จ หลังจากนั้นการใช้ไฟจะกระโดดทันที ซึ่ง WHAUP มีการขายน้ำ ขายไฟในนิคมฯ WHA จะได้ประโยชน์ตามไปด้วย และอีกปัจจัยคือพอร์ตไฟฟ้ายังเล็กปัจจุบันกำลังการผลิตประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ ยังมีงานที่จะประมูลจากทางภาครัฐอีก ซึ่งจะทำให้พอร์ตไฟฟ้าของ WHAUP เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

“ช่วงต้นไตรมาส 4 ปี 2567 การลงทุนให้ผสมพอร์ตระหว่างธีมหลัก กับธีมเก็งกำไร ช่วงกลางถึงปลายไตรมาส 4 ให้กลับมาโฟกัสที่ธีมหลักหลบที่หุ้นคุณภาพ หุ้นปลอดภัย และพันธบัตร เพราะจากสถิติหากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาชะลอตัว จะใช้เวลา 2-3 ไตรมาสในการพลิกฟื้น ซึ่งจะอยู่ราวๆไตรมาส 2 ของปี 2568 จึงมองว่าครึ่งแรกของปี 2568 ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาจะไม่ค่อยดี แต่จะฟื้นตัวในไตรมาส 2 ของปี 2568″นายพิริยพล กล่าว

นายพิริยพล กล่าวว่า ในช่วงกลางปี 2568 สามารถที่จะปรับพอร์ตใหม่อีกครั้ง โดยมุ่งไปที่หุ้นเติบโต ซึ่งหุ้นเติบโตที่ดีที่สุดของโลก อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ตามด้วยตลาดหุ้นอินเดีย และ เวียดนาม ส่วนจะซื้อหุ้นใน 3 ประเทศนี้อย่างไรนั้น สามารถเลือกลงทุนผ่าน Top Funds ของบล.บัวหลวงได้

วันที่ 17 ต.ค. 2567 หุ้นไทยปรับตัวขึ้นเด่นกว่าภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง หลังจากกนง.ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ดันดัชนีปรับขึ้นแรงจ่อ 1,500 จุด สูงสุดแตะ 1,498.61 จุดบวก 13.60  จุด และปิดที่ 1,495.02 จุด บวก 10.01 จุดหรือ 0.67% มูลค่าซื้อขายรวม 60,355.34 ล้านบาท หลังจากนักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขาย  2,560 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 1,071.63 ล้านบาท และสถาบันซื้อสุทธิ 833.56 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทอ่อนค่าที่ 33.24 บาท ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงร่วงลงกว่า 1%

นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ขึ้นทดสอบใกล้ระดับแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,500 จุด ก็ชะลอการขึ้นบ้าง ช่วงสั้นภาพตลาดยังขึ้นได้ต่อเนื่อง จากสัญญาณที่ดีที่กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ซึ่งทำให้เห็นว่ารัฐมีการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในภาคการคลัง และการเงิน  ทำให้อัตราดอกเบี้ยกลับมาสู่ระดับปกติที่ 2% และเป็น Sentiment บวกต่อบริษัทจดทะเบียนทำให้กำไรดีขึ้น

ทั้งนี้ ตลาดได้แรงดันหลักมาจากหุ้น GULF, ADVANC, INTUCH, DELTA ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ด้านตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ส่วนใหญ่บวกเล็กน้อย จากแรงเก็งกำไรก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% พร้อมให้ติดตามคืนนี้ยอดค้าปลีกของสหรัฐ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 ต.ค.) ตลาดยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ แต่อาจชะลอการขึ้นบ้างหลังขึ้น 2 วันติดต่อกัน พร้อมให้แนวรับ 1,490-1,480 จุด แนวต้าน 1,500-1,505 ถัดไป 1,520 จุด

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรง มาจากแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดกำไรไตรมาสที่ 3/2567 จะยังคงเติบโตที่ดี ซึ่งไม่ผิดหวัง ธนาคารกรุงเทพ (BBL) นำธนาคารขนาดใหญ่ประกาศ กำไรสุทธิ 12,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  1,126 ล้านบาทเติบโต 9.92% และรวม 9 เดือนแรกปีนี้กำไรทั้งสิ้น  34,807 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 6.21% หรือ 2,034.12  ล้านบาท  ทั้งนี้ ราคาหุ้น BBL ปิดที่ 156 บาท บวก 2.50 บาท +1.63%