“คิงส์ฟอร์ด”คาดแนวต้านดัชนี 1,490-1,500 จุด แนะ SAWAD-TU

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากดอกเบี้ยลดลง 0.25% แรงหนุนเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ แนวต้าน 1,490-1,500 จุด ส่วนแนวรับ 1,470 จุด ติดตามรายงานกำไร Q3/67 กลุ่มแบงก์ หุ้นเด่นแนะ SAWAD , TU

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางกลยุทธ์ลงทุนวันนี้ วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,470 จุด โดยมีแนวต้าน 1,490 – 1,500 จุด ประเมินดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากดอกเบี้ยที่ลดลง 0.25% จะช่วยหนุน Upside ดัชนีได้ราว 40 – 50 จุด กอปรได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR,JMT,TISCO,KKP กลุ่มอสังหา AP,SIRI,SPALI กลุ่มที่มีภาระหนี้สูง เช่น BGRIM,IVL,CPALL,TRUE ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย

ส่วนประเด็นที่ต้องติดตาม คือ รายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่มธนาคาร โดย BB.Consensus คาด -2.6% QoQ, +2.7% YoY

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดวานนี้ DJIA +0.79%, S&P500 +0.47%, Nasdaq +0.28% ได้แรงหนุนจากกลุ่นธนาคาร หลัง Morgan Stanley +6.5% ตอบรับรายได้จากธุรกิจ IB ในช่วง Q3/67 ปรับเพิ่มขึ้น และ US Bancorp +4.7% ตอบรับกำไร Q3/67 ที่ดีกว่าคาด ส่วนกลุ่มสายการบิน United Airlines +12.4% จากคาดการณ์กำไร Q4/67 มีแนวโน้มสูงขึ้น กอปรแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1.5 พัน ล้านดอลลาร์

ข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตามยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ย.คาด 0.3% & ส.ค. 0.1% MoM, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คาด 241,000 ราย และรายงานงบของ Netflix รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด

หุ้นเด่นแนะนำวันนี้ ได้แก่ SAWAD (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 38.50 บาท) แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อ 2H67 มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าช่วง 1H67 ที่ทำได้เพียง 0.4%YoY จากเป้าทั้งปีที่ 10-20% โดยจะมีปัจจัยบวกจากรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนการใช้จ่าย ขณะที่โครงการ digital wallet เฟสแรกที่เปลี่ยนเป็นเงินสดจะช่วยให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น ด้านปัญหาราคารถยนต์มือ 2 และขาดทุนจากการขายรถยึดน่าจะดีขึ้น ส่วน NPL ยังบริหารจัดการได้ไม่เกินเป้า 3.5% และต้นทุนทางการเงินมีโอกาสลดลงในระยะถัดไปจากการปรับลดดอกเบี้ยของแบงค์ชาติ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 5.3 พันล้านบาท +5%YoY และ 5.8 พันล้านบาท +11%YoY

หุ้น TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท) ประเมินกำไรสุทธิ 3Q67 อยู่ที่ 1,318 ล้านบาท (+9%YoY, +8%QoQ) โดยในแง่ของรายได้มีแรงหนุนจาก demand ที่ฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจ Ambient Seafood และได้ปัจจัยบวกตามฤดูกาล ส่วนธุรกิจ Petcare ยังคงมีโมเมนตัมการเติบโต YoY ดี

นอกจากนี้แล้ว ราคาปลาทูน่าในช่วงปลาย 2Q67 ถึง ต้น 3Q67 ยังอยู่ในระดับต่ำช่วยหนุน GPM ให้โดดเด่น ขณะที่ปัจจัยหนุนกำไรในไตรมาสนี้นอกจากตัวธุรกิจหลักที่ยังทำได้ดีแล้ว ยังมีในส่วนของ Equity Income ที่ทำได้ดีจาก Avanti ภาพรวมกำไรสุทธิจึงยังสามารถเติบโตได้ แม้มีปัจจัยกดดันจาก SG&A ที่เราคาดว่าจะสูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้าน Marketing และ Freight ที่สูงขึ้น รวมถึง Fx loss ที่เราคาดว่าจะรับรู้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน