MC ตั้งเป้าปี’68 โตไม่ต่ำกว่า 10% ยืนหยัดตลาดไทย-ปันผล 100%

HoonSmart.com>>แม็คกรุ๊ป คาด 3 เดือนสุดท้ายของปี’67 ทำยอดขายชนะทุกไตรมาส ดันรายได้ปีบัญชี’68 โตไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมปันผลผู้ถือหุ้น 100% ของกำไร ยืนหยัดลุยขยายตลาดไทยควบคู่ศึกษาการขยายฐานลูกค้าออกต่างประเทศ พร้อมเดินแผนความยั่งยืนลดการลดใช้ถุงพลาสติก

นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป (MC) คาดว่า 3 เดือนสุดท้ายของปี 2567 ซึ่งตรงกับไตรมาส 2 ในปีบัญชี 2568 ของบริษัทฯ จะเป็นช่วงที่ยอดขายชนะทุกไตรมาส ซึ่งจะทำให้รายได้ปีบัญชี 2568 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีบัญชี 2567 ที่ทำรายได้ 4,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% จากช่วยเวลาเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการทำนิวไฮ หรือ รายได้สูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปี

ในปีบัญชี 2568 ยังคงเน้นกลยุทธ์คุมเข้มต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย พร้อมปรับเกมการตลาดเน้นทำ Product Mix การส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้เพิ่มเป็น 15% จากปี 2567 ที่มีสัดส่วน 10% และการบริหารช่องทางการจำหน่ายสินค้า มั่นใจจะสามารถเติบโตในเลขสองหลักตามเป้าหมาย และบริษัทฯจะทำการจ่ายเงินปันผล 100% ของกำไร สูงกว่านโยบายปันผลที่วางไว้ 50% ของกำไรสุทธิ

สำหรับปีบัญชี 2567 (1 กรกฎาคม 2566 – 30 มิถุนายน 2567) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70 ล้านบาท หรือ 10.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 644 ล้าน โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 17.3% รวมทั้งยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับสูงที่ระดับ 64.2% โดยจะมีการจ่ายเงินปันผลจากกำไรครึ่งปีหลัง 0.40 บาท ขึ้น XD วันที่ 31 ต.ค. นี้ กำหนดจ่ายในวันที่ 22 พ.ย.นี้ จากที่จ่ายไปแล้วในงวดครึ่งแรกของปี 0.50 บาท

“บริษัทมีสาขาทั้งหมด 600 จุด มีเอ้าท์เล็ต ที่เปิดในปั้มน้ำมันปตท. 150 แห่งถือว่าไปได้ดี เราก็มองหาโลเคชั่นที่มีศักยภาพในการเปิดเพิ่ม และในกรุงเทพปัจจุบันมีการปรับปรุงสาขา เพื่อทำเป็นสาขาต้นแบบแล้ว 4 แห่ง พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ก็จะใช้ต้นแบบนี้ในการปรับปรุงสาขาอื่นๆ โดยงบลงทุนที่วางไว้ 100 ล้านบาทในปีนี้ จะใช้ไปกับการปรับปรุงสาขาเป็นส่วนใหญ่ และใน 5 ปีนี้ยังไม่ออกไปต่างประเทศ แต่ก็มองหาและศึกษาตลาดต่างประเทศอยู่ และจากการที่บริษัทไม่มีหนี้หากมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จะสามารถมูพได้เร็ว”นายเจมส์ กล่าว

นายเจมส์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวแม็คยีนส์แบรนด์แอมบาสเดอร์ “อแมนด้า ชาลิสา ออบดัม” และ “อนันดา เอเวอริงแฮม” ตัวแทนถ่ายทอดแบรนด์คอนเซ็ปต์หลักของแม็คยีนส์ “My Mc My Way ชีวิต…เต็มแม็ค” เพื่อให้ตอบโจทย์ฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกไลฟ์สไตล์ ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานสมาชิกอยู่ประมาณ 1.7 ล้านคน มีการแอคทีพประมาณ 50% ตั้งแต่กลุ่มอัลฟ่า ถึง เบบี้บูมเมอร์ โดย 80% ของกลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย ซี มียอดการซื้อบ่อยขึ้นและยอดซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าที่เป็นนัน เดนิม ตามด้วยเดนิม และ Accessory เช่น หมวก รองเท้า กระเป๋า เป็นต้น โดยเสื้อยืดขายมากที่สุดปีละเกือบ 3 ล้านตัว เพราะมีกว่า 20 แบบ

สำหรับ สินค้าที่มีสัดส่วนรายได้สูงสุด มาจาก Non-Denim ประมาณ 49% Denim 35% และ Accessory โดยมียอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ 10% และหน้าร้าน 90% โดยมาร์จิ้นจากแต่ละสินค้าจะอยู่ใกล้ๆ กัน เพราะบริษัทมีการควบคุมต้นทุนในการผลิตอย่างใกล้ชิดให้เป็นไปตามเป้าหมาย

“การแข่งขันของตลาดแฟชั่นค่อนข้างสูง ทั้งแบรนด์ท้องถิ่น และแบรนด์จากต่างประเทศ จะเห็นว่าแต่ละแบรนด์มีการขาย Denim เหมือนกัน แต่ขอบอกว่าไม่ง่ายในการที่จะสร้างจุดแข็ง ซึ่งบริษัทอยู่ในธุรกิจนี้มา 50 ปี บอกได้เลยว่าในตลาด Denim เราเป็นเบอร์ 1 ซึ่งเป็นผลมาจากการมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ในการทำมาร์เก็ตติ้ง มีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง และเป้าหมายของเราคือ กำไรต้องโตเร็วกว่ายอดขาย ด้วยการคุมค่าใช้จ่าย เงินทุนที่ใช้ไปต้องสร้างผลตอบแทนที่มากกว่า”นายเจมส์ กล่าว

นายเจมส์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้เป้าหมายของความยั่งยืนในทุกกระบวนการ และได้นำแนวทางของความยั่งยืนมาใช้ในการทำตลาด ด้วยการให้สมาชิกสะสมคะแนน 5 คะแนนกรณีไม่รับถุงพลาสติก โดยสามารถลดการใช้ถุงลงได้ถึง 30% จากที่บริษัทมีการขายสินค้าเฉลี่ยปีละ 6 ล้านชิ้นต่อปี