เบี้ยเงินผ่อนทางออกสู้เงินเฟ้อ ช่วยลูกค้ารอด-ตัวแทนรวย

HoonSmart.com>>บริษัทเงินติดล้อ (TIDLOR)แนะซื้อประกันแบบผ่อนชำระเป็นทางออกฝ่าวิกฤตเงินเฟ้อ ทำให้ประชาชนสามารถโต้คลื่นข้าวของราคาแพง และรอดพ้นจากการก่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น ช่วยตัวแทนรักษาฐานลูกค้าเก่าและเพิ่มลูกค้าใหม่ได้ เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้สูงขึ้น

นายชาญฤทธิ์ สุกปลั่ง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์และกลยุทธ์นายหน้าประกันภัย บริษัทเงินติดล้อ (TIDLOR) กล่าวในหัวข้อ”ติดอาวุธพิชิตวิกฤตเงินเฟ้อด้วยเทคโนโลยีประกันภัย”ว่า ในช่วงที่สินค้าข้าวของมีราคาแพงแต่รายได้เท่าเดิมนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่ (Value Chain) ธุรกิจประกันภัยทุกกลุ่ม

ในส่วนของผลกระทบที่มีต่อประชาชนผู้ซื้อประกันภัย คือ ค่าซ่อมรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาล เพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทประกันภัยต้องปรับเบี้ยเพิ่มขึ้น กดดันให้ลูกค้าต้องลดวงเงินความคุ้มครองลง เพื่อให้จะได้จ่ายเบี้ยน้อยลง กระทบต่อกลุ่มนายหน้า ที่รายได้จะลดลงจากการที่เบี้ยต่อกรมธรรม์ลดลงค่าคอมมิชชั่นก็ลดลงตามไปด้วย หาลูกค้ารายใหม่ได้ยากขึ้น เพราะผู้ซื้อประกันจะตัดสินใจยากขึ้น ต้องใช้เวลาในการเปรียบเทียบสินค้าจากหลายๆ แห่งเพื่อเลือกให้เหมาะสมกับเงินที่อยู่ในกระเป๋า ทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจสูงขึ้นตามไปด้วย
กลุ่มบริษัทประกันภัย จะทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น อาทิ ค่าซ่อมรถแพงขึ้น ทำให้บริษัทต้องจัดการด้านราคาให้สอดคล้องกับต้นทุน การรับประกันภัยต้องใช้เวลาในการคัดกรองลูกค้ามากขึ้น เพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณารับประกันภัย ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มเข้าไม่ถึงประกันภัย

อย่างไรก็ตาม ทางออกที่จะทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่ทางธุรกิจโต้คลื่นเงินเฟ้อไปได้มีอยู่ 4 แนวทาง
ในมุมของผู้บริโภค หนึ่ง ควรหาช่องทางที่เข้าถึงประกันประกันง่าย เปรียบเทียบเบี้ยหลายๆบริษัท ดูสินค้าที่มีความคุ้มครองหลากหลาย ซึ่งสามารถค้นหาข้อมูลจากออนไลน์ได้เพื่อหาแพคเกจที่เหมาะสมกับเงินที่มีอยู่ในกระเป๋า

สอง ต้องกลับมาทบทวนการใช้ชีวิตของตัวเอง เช่น การขับรถ บ่อยหรือไม่บ่อย มีความระมัดระมัดระวัง ก็เลือกความคุ้มครองให้สอดคล้องกับนิสัย เบี้ยก็จะถูกลงไปอีก

สาม เลือกตัวแทนนายหน้าหรือโบรกเกอร์ที่ให้จ่ายเบี้ยแบบเงินผ่อน ทำให้บริหารเงินในกระเป๋าได้ง่ายขึ้น

สี่ หานายหน้าหรือตัวแทนที่สามารถให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงตรงกับความต้องการ ในราคาที่สามารถจ่ายได้

ในมุมของตัวแทนนายหน้า หรือ บริษัทโบรกเกอร์ ในยุคเงินเฟ้อ ต้องพยายามลดต้นทุน ด้วยการมีสินค้าหลากหลาย มีความคุ้มครองหลากหลาย ราคาไม่แพง ทำให้ลูกค้าได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

สอง ออกแบบความคุ้มครองให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ทำให้เกิดความพึงพอใจและมาเป็นลูกค้าของบริษัทในอนาคต ซึ่งก็อาจจะร่วมกับบริษัทประกันภัยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

สาม ความหยืดหยุ่นในการชำระค่าเบี้ย เป็นส่วนสำคัญในช่วงเงินเฟ้อสูง จะสร้างความได้เปรียบ ทำให้ลูกค้าอยู่กับบริษัทนานขึ้น

สี่ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ในส่วนของบริษัทฯมีการใช้แชทบ็อท ตอบคำถามลูกค้า ช่วยลดจำนวนคอลล์เซ็นเตอร์ได้หลายตำแหน่ง รวมไปถึงการทำขั้นตอนการทำงานบนแพล็ตฟอร์มดิจิทัลที่คนไม่ต้องไปเกี่ยวข้อง การนำฐานข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า

“โบรกเกอร์รายเล็ก หรือตัวแทนนายหน้ารายบุคคลที่เป็นรายย่อย อาจไม่มีเงินทุนในการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือ ลงทุนในเครื่องไม้เครื่องมือ ก็สามารถใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูปที่ทางบริษัทอินชัวร์เทคนำมาให้บริการได้ อย่างของบริษัทฯ มีแพลตฟอร์ม ชื่อ อารีเกเตอร์ ให้นำไปใช้ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จาก 16 บริษัทประกันภัยนำไปเสนอขายให้ลูกค้า มีระบบการผ่อนชำระเบี้ยกับบริษัทเงินติดล้อได้ถึง 10 งวด ถึงปัจจุบันมีนายหน้ารายย่อยที่มาใช้บริการแพลตฟอร์ม อารีเกเตอร์ 6,500 ราย มีกรมธรรม์ที่ออกไปแล้ว 120,000 ฉบับ และมีเบี้ยประกันภัย 1,700 ล้านบาท”นายชาญฤทธิ์ กล่าว