HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดร่วง ดาวโจนส์ลบ 398 จุด กังวลสถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียดสูงขึ้น ดันราคาราคาน้ำมันดิบพุ่ง 3.7% WTI ปิด 77.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน Brent ทะลุ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านบอนด์ยีลด์ปรับตัวเพิ่มขึ้น กระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 8 ตุลาคม ปิดที่ 41,954.24 จุด ลดลง 398.51 จุด หรือ -0.94% จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเพราะความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงสูง และจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,695.94 จุด ลดลง 55.13 จุด, -0.96%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,923.90 จุด ลดลง 213.95 จุด, -1.18%
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 3% สู่ระดับเหนือ 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาที่ 4.02% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่อัตราผลตอบแทนสูงถึง 4% เนื่องจากเทรดเดอร์ให้น้ำหนักการผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)น้อยลง และกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของความขัดแย้งในตะวันออกกลางต่อราคาน้ำมัน
หลังจากรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดเมื่อวันศุกร์ เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า เทรดเดอร์มองว่ามีโอกาส 86% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพฤศจิกายนจากเดิมที่ให้น้ำหนักการลงดอกเบี้ย 0.50% และมองว่ามีโอกาสประมาณ 14% ที่เฟดจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเลย ตาม
อาร์ต โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของ B. Riley Wealth กล่าวว่า สองเรื่องที่นักลงทุนกำลังจับตาดูด้วยความระมัดระวังมากที่สุด คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้นและราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
สิ่งที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดอีกเรื่อง คือคำสั่งจากผู้พิพากษาสหรัฐที่ให้ Google หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alphabet ให้ปรับปรุงธุรกิจแอปมือถือ(mobile-app business )เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์( Android )มีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้ รายงานของนักวิเคราะห์ยังทำให้เกิดการขาย Amazon และ Apple ออก
อย่างไรก็ตามนักลงทุนรอการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสและข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่ โดย Delta Air Lines และ JPMorgan Chase กำหนดรายงานในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ตามลำดับ และเกาะติดเหตุการณ์พายุเฮอริเคน มิลตัน ซึ่งเป็นพายุขนาดใหญ่อีกลูกหนึ่ง ที่คาดว่าจะถล่มสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์นี้ หลังจากที่พายุเฮลีน ซึ่งเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 4 คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 200 รายใน 6 รัฐ
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความผันผวนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาที่ 22.64 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมปีนี้
หุ้นพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 0.4% และเป็นเพียงกลุ่มเดียวใน S&P 500 ที่ปิดในแดนบวก ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่สินค้าฟุ่มเฟือยต่างลดลงประมาณ 2%
นอกจากการประชุมของเฟดในเดือนหน้าแล้ว นักลงทุนกำลังรอการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกันยายน รวมทั้งรายงานการประชุมของเฟดครั้งที่ผ่านมา
ตลาดยุโรปปิดบวกเล็กน้อย โดย Orsted บริษัทพัฒนาพลังงานลมนอกชายฝั่ง นำการปรับขึ้นนำ หลัง Equinor ของนอร์เวย์เข้าซื้อหุ้นในบริษัท แต่การปรับขึ้นถูกจำกัดโดยหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่น อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค
ดัชนี STOXX 600 ขยับขึ้น 0.1% โดยหุ้นกลุ่มธนาคารนำการปรับขึ้น แต่หุ้นอสังหาริม
ทรัพย์และสาธารณูปโภคลดลง 1.4% และ 0.5% ตามลำดับ
ตลาดหุ้นเยอรมันลดลง 0.1% หลังคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมลดลงเกินคาดในเดือนสิงหาคม กระทรวงเศรษฐกิจกล่าวว่า เศรษฐกิจคาดว่าจะหดตัว 0.2% ในปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกันที่หดตัว
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนตุลาคม หลังจากตกต่ำเป็นเวลาสามเดือน
หุ้น Orsted พุ่งขึ้นถึง 6% หลังจากที่ Equinor ซื้อหุ้นมูลค่าประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในบริษัท Equinor ลดลง 3.4%
หุ้นบริษัทสินค้าหรูปรับขึ้น โดยหุ้นในฝรั่งเศส เช่น Kering, LVMH และ Hermes เพิ่มขึ้นระหว่าง 1.2% ถึง 4.6% จากมุมมองในทางบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
หุ้น Richemont เพิ่มขึ้น 2% หลังจากที่เจ้าของ Cartier ตกลงที่จะขายธุรกิจแฟชั่นและเครื่องประดับออนไลน์ของ Yoox Net-A-Porter ให้กับ Mytheresa แพลตฟอร์มแฟชั่นสุดหรูของเยอรมนี
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 519.48 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด, +0.18%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,303.62 จุด เพิ่มขึ้น 22.99 จุด, +0.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,576.02 จุด เพิ่มขึ้น 34.66 จุด, +0.46%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 19,104.10 จุด ลดลง 16.83 จุด, -0.09%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 2.76 ดอลลาร์ หรือ 3.71% ปิดที่ 77.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2.88 ดอลลาร์ หรือ 3.69% ปิดที่ 80.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล