HoonSmart.com>>“การบินไทย”(THAI) ยื่นไฟลิ่ง เดินหน้าปรับโครงสร้างทุนภายในปีนี้ตามแผน เพิ่มทุนครั้งมโหฬาร ตีราคาหุ้นละ 2.5452 บาท เพื่อพลิกส่วนของทุนเป็นบวก ณ มิ.ย.67 งบการเงินเฉพาะกิจการยังติดลบ 40,427 ล้านบาท คาดยื่นคำร้องยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ และหุ้นกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในไตรมาส 2/68
บริษัท การบินไทย (THAI) ประกาศยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และ ร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเป้าหมายให้ส่วนของผู้ถือหุ้นให้กลายเป็นบวก
การปรับโครงสร้างทุนของบริษัทการบินไทยประกอบด้วย 1.การแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฯ เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) จำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น 2.การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงหนี้เดิมตามแผนฯ เป็นทุนเพิ่มเติมโดยความสมัครใจของเจ้าหนี้ตามแผนฯ (Voluntary Conversion) และ 3.การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นทุน โดยความสมัครใจของเจ้าหนี้ตามแผนฯ รวมถึงการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น (รวมทั้งหุ้นที่เหลือจากกระบวนการ Voluntary Conversion (หากมี)) ให้แก่บุคคลตามที่แผนฯ กำหนด ได้แก่ ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ (โดยไม่จัดสรรและเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้การบินไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ) พนักงานของการบินไทย และบุคคลในวงจำกัด (พีพี) ตามลำดับ
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ ทั้งหมดคาดจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31ธ.ค. 2567 และภายหลังบริษัทฯ ส่งงบการเงินปี 2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงต้นปี 2568 แล้ว คาดว่าบริษัทฯ จะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ ได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2568
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย กล่าวว่า การบินไทยได้ดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเคร่งครัด รวมถึงปรับการบริหารจัดการองค์กรให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ มุ่งให้เกิดผลสำเร็จตามแผนฟื้นฟูกิจการไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.37 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 การมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามสัญญาเช่าเครื่องบิน ในรอบ 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่ก.ค. 2566 ถึงมิ.ย. 2567 เท่ากับ 29,292 ล้านบาท และไม่ผิดนัดชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม ส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 30 มิ.ย.2567 ยังคงติดลบ 40,427 ล้านบาท จึงต้องเร่งดำเนินงานตามแผนปรับโครงสร้างทุน ซึ่งประกอบด้วย การแปลงหนี้เป็นทุนและการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ลงทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งต้องแล้วเสร็จ ภายในปี 2567 ซึ่งจะเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยปรับให้โครงสร้างทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นกลายเป็นบวก และสามารถยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ และนำหุ้นของการบินไทยกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 2/2568 อย่างไรก็ดี การบินไทยยังต้องผูกพันตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป โดยจะต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้จนครบถ้วนตามแผนฯ
ด้านนางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย กล่าวว่า แผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบการขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 กำหนดให้ในการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฯ บริษัทฯ ต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อรองรับ 1) การแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนฯ เป็นหุ้นเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) จำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น โดยเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 หรือกระทรวงการคลัง จะได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างเต็มจำนวน 100% คิดเป็นมูลค่า 12,827,461,287 บาท โดยการแปลงหนี้เป็นหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 5,039,896,007 หุ้น ในขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 18 – 31 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ จะได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างในอัตรา 24.50% ของมูลหนี้เงินต้นคงค้างทั้งหมด โดยการแปลงหนี้เป็นหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น
2) การใช้สิทธิแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติม (Voluntary Conversion) ซึ่งเจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ตามแผนฯ สามารถใช้สิทธิแปลงหนี้เงินต้นคงค้างเป็นหุ้นเพิ่มทุนได้เพิ่มเติมโดยความสมัครใจ จำนวนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น และ 3) การใช้สิทธิแปลงดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นทุน ซึ่งเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ตามแผนฯ สามารถใช้สิทธิแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นเพิ่มทุนได้โดย ความสมัครใจ ในจำนวนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดให้ใช้สิทธิในการแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญเต็มจำนวนของยอดดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเท่านั้น ไม่สามารถเลือกใช้สิทธิบางส่วนได้
ส่วนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน การบินไทยจะเสนอขายจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น ให้แก่บุคคลตามที่แผนฯ กำหนด โดยแบ่งลำดับการจัดสรรเป็น 3 ลำดับ ดังนี้ 1) ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการปรับโครงสร้างทุน โดยไม่จัดสรรและเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้การบินไทยมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ 2) พนักงานของการบินไทย และ 3) บุคคลในวงจำกัด (พีพี) ซึ่งจะจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัดในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและพนักงาน โดยจะเสนอขายในราคาที่ผู้บริหารแผนเห็นสมควร แต่จะต้องไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น
“เพื่อความสำเร็จของการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฯ รวมทั้งเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านราคาหุ้นของการบินไทยภายหลังจากวันที่กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้บริหารแผนได้กำหนดมาตรการ Lock-up ห้ามเจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นเพิ่มทุนจากการแปลงหนี้เป็นทุนที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น ขายหุ้นดังกล่าวจนกว่าจะครบระยะเวลา 1 ปีนับจากวันที่หุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยหลังจากวันที่ครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่หุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะให้เจ้าหนี้ที่ได้รับหุ้นจากการแปลงหนี้เป็นทุนแต่ละรายสามารถขายหุ้นได้จำนวนไม่เกิน 25% ของจำนวนหุ้นที่ถูกห้ามขาย ซึ่งอ้างอิงเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ” นางเฉิดโฉม กล่าวเสริม
ปัจจุบันบริษัทการบินไทยเป็นสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Airline) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2503 และมีฐานปฏิบัติการหลักที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ การบินไทยเป็นสายการบินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันดับ 5 ในทวีปเอเชีย และอันดับ 43 ของโลก โดยพิจารณาจากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างประเทศ (คิดเป็นล้านคน-กิโลเมตร) ของปี 2566
ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 การบินไทยมีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการบินรวม 77 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบินลำตัวกว้างจำนวน 57 ลำ และเครื่องบินลำตัวแคบจำนวน 20 ลำ และมีเครือข่ายเส้นทางบินที่ให้บริการครอบคลุมกว่า 59 จุดบิน ใน 24 ประเทศทั่วโลก โดยแบ่งเป็น 51 จุดบินในต่างประเทศ และ 8 จุดบินภายในประเทศ
การบินไทยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง 1 ใน 5 รายของกลุ่มพันธมิตรการบินสตาร์ อัลไลแอนซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรการบินชั้นนำ ระหว่างประเทศ เพื่อการขยายเครือข่ายเส้นทางบินผ่านความตกลงเที่ยวบินร่วม (Code Sharing) การสะสมไมล์เดินทางร่วม และการให้บริการพิเศษเพิ่มขึ้นแก่ลูกค้าทั่วโลก