แบงก์ปันผลเด่น BBL ใจดีแจก 2 บาท บจ.กำไรครึ่งปีร่วง เฟดจ้องขึ้นดบ.ต่อ

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงเทพ (BBL)ไฟเขียว จ่ายเงินปันผลกลางปี 66 หุ้นละ 2 บาท เพิ่มขึ้นตามกำไรกระฉูด 52% ด้าน TISCO แจก 2 บาท เปลี่ยนนโยบายจ่ายปีละ 2 ครั้ง KKP ให้ลดลงเหลือ 1.25 บาท หรือ 2.08% ด้านบจ.SET เปิดกำไร 6 เดือนปีนี้ ร่วง 26.6% เหลือ 456,787  ล้านบาทตามคาด  กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯฉุด  บจ. mai กำไรสุทธิหดตัวแรง 70.9% เหลือเพียง 1,503 ล้านบาท มีรายจ่ายพิเศษฉุด แนวโน้มกำไรบจ.ยังเสี่ยงต่อ ส่งออก ก.ค.ทรุดเกินคาด 6.2% เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ สกัดเงินเฟ้อยังคงสูง

 

ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ประกาศจ่ายเงินปันผลกลางปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 2 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 7 ก.ย. 2566 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 ก.ย.ที่จะถึงนี้ กำหนดจ่ายเงินในวันที่ 22 ก.ย. 2566 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล 1.19% เทียบกับราคาปิดที่ 167.50 บาท

ทั้งนี้ BBL จ่ายเงินปันผลในรอบ 6 เดือนแรกปีนี้ 2 บาทมากกว่ากลางปีก่อนที่แจกให้หุ้นละ 1.50 บาท หลังจากกำไรสุทธิเติบโตถึง 7,343.67  ล้านบาท คิดเป็น 52.16% เป็น 21,422.81 ล้านบาท เท่ากับ 11.22 บาทต่อหุ้น เทียบกับกำไรสุทธิ 14,079.14 ล้านบาท หรือ 7.38 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่ราคาหุ้นปิดที่ 167.50 บาท ซื้อขายที่ระดับ P/E เพียง 8.72 เท่า และ P/BV 0.61 เท่า หลังจากราคาเคยต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 132.50 บาท

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ (TISCO) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 2 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 6 ก.ย.  และจ่ายเงินในวันที่ 22 ก.ย.2566

การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนวิธีจากการจ่ายเพียงปีละครั้งเดียว เป็นระหว่างกาลด้วย  เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่  ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว

ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในงวดครึ่งแรกปี 2566  นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ (SET) มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) จำนวน 748,147 ล้านบาท ลดลง 32.5% เทียบกับปีก่อนทำได้ 1,107,964 ล้านบาท และกำไรสุทธิ ลดลง26.6% เหลือ  456,787 ล้านบาท มียอดขาย 8,339,880 ล้านบาท ลดลง 2.8% ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  หลังจากราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีให้ยอดขายและกำไรอ่อนตัวลงค่อนข้างมาก บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนหรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ระดับ 1.53 เท่า ลดลงจาก 1.59 เท่าในครึ่งแรกปี 2565

“ หากพิจารณาธุรกิจอื่นไม่รวมธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ยอดขายขยายตัวพอประมาณที่ 4.5% โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และสายการบิน อย่างไรก็ดี บจ. ต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจหลากหลายปัจจัย รวมถึง ต้นทุนการผลิตที่ยืนอยู่ในระดับสูง  และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอีกด้วย” นายแมนพงศ์กล่าว

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่าครึ่งปีนี้มียอดขายรวม 95,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% ต้นทุนการผลิต 71,014 ล้านบาท ลดลง 0.3% กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 5,550 ล้านบาท ลดลง 14.1% และกำไรสุทธิ 1,503 ล้านบาท ลดลงถึง 70.9 %  เนื่องจากบจ.แห่งหนึ่งบันทึกค่าใช้จ่ายขาดทุนจากรายการพิเศษและการตั้งด้อยค่า มูลค่า 1,999 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันปีก่อน บจ.แห่งหนึ่งมีกำไรจากการขายโรงไฟฟ้า  1,423 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการพิเศษขนาดใหญ่ดังกล่าว บจ. mai มีกำไรสุทธิลดลง 26.7%

ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บจ. มียอดขายรวม 47,028 ล้านบาท ลดลง 2 % ต้นทุนขาย 35,173 ลดลง 2.9% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 24.5% เป็น 25.2% อย่างไรก็ดี การที่ บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้นถึง 15.6% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 35.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกในเดือนก.ค.2566 มีมูลค่า 22,143.2 ล้านดอลลาร์ หดตัว -6.2% จากเดือนเดียวกันปีก่อน จากตลาดคาด -2.8% ถึง -3.1% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 24,121 ล้านดอลลาร์ ลดลง 11.1% ทำให้ไทยขาดดุลการค้า 1,977.8 ล้านดอลลาร์

ในขณะที่ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ส่งออกมีมูลค่า163,313.5 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5.5% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 171,598.9 ล้านดอลลาร์ ลดลง  4.7% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 8,285.3 ล้านดอลลาร์

“ส่งออกติดลบถึง 6.2% เป็นเพราะเทียบกับฐานที่สูงในเดือนก.ค.2565  เดือนก.ค.ปีนี้ไทยทำได้ในระดับที่ดี มูลค่าค่อนข้างสูง 22,143 ล้านดอลลาร์  แนวโน้มในครึ่งปีหลังคาดฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป  ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จะยังไม่ปรับเป้าหมายการส่งออกปีนี้ตามที่ตั้งไว้ 1-2% “นายกีรติกล่าว

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองว่า แม้ในช่วงที่เหลือของปีจะมีปัจจัยฐานของปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ แต่จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะตลาดจีนที่เศรษฐกิจอ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ และมีปัจจัยท้าทายอื่น ๆ  ดังนั้นจึงเห็นถึงความเป็นไปได้ที่ภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2566 จะหดตัวเพิ่มขึ้นจาก -1.2% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

แนวโน้มกำไรของบจ.ยังคงชะลอตัวตามเศรษฐกิจและการส่งออกหดตัว ขณะที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ เพื่อคุมเงินเฟ้อให้อยู่ ขณะที่นักลงทุนมองว่าการให้ความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ในการประชุมประจำปีธนาคารกลางที่เมืองแจ็กสัน โฮล บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่งกว่าที่คาด สนับสนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

อ่านประกอบ :

https://hoonsmart.com/archives/322601