ดาวโจนส์ปิดบวก 83 จุด Nvidia หนุน กลุ่มเหมืองแร่รับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดบวก 83 จุดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ Nvidia พุ่งแรงเกือบ 4%หนุน กลุ่มเหมืองแร่รับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ  ส่วนตลาดยุโรปปิดบวกจากการปรับขึ้นของบริษัทที่มีธุรกิจในจีน  ราคาน้ำมันดิบปรับตัว 1% 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 24 ก.ย. 2567 ปิดที่ 42,208.22 จุด เพิ่มขึ้น 83.57 จุด หรือ +0.20% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ขณะที่ดัชนี S&P 500 ก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ด้วยแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้น Nvidia และกลบความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,732.93 จุด เพิ่มขึ้น 14.36 จุด, +0.25%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,074.52 จุด เพิ่มขึ้น 100.25 จุด, +0.56%

ในช่วงแรกตลาดปรับตัวลงจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงรายเดือนมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี จากการสำรวจ ของ Conference Board ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภเดือนกันยายนลดลงมาที่ 98.7 จาก 105.6 ในเดือนสิงหาคม และต่ำกว่า 104 ที่นักวิเคราะห์คาด เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงาน

การรายงานข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคมีขึ้นหลัง คำเตือนจากจมี ไดมอน ซีอีโอของ เจพีมอร์แกน เชส เกี่ยวกับความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แย่ลง และเป็นความกังวลที่ใหญ่สุดของเขา และยังกล่าวว่า สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงนี้อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในอนาคต
เจมี ค็อกซ์ หุ้นส่วนผู้จัดการของ Harris Financial Group กล่าวว่า ผู้บริโภคมีความกังวลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และค่าใช้จ่ายค่าอาหารและต้นทุนสินเชื่อที่ยังคงสูง

จูเลียน เอ็มมานูเอล กรรมการผู้จัดการอาวุโสของ Evercore ISI กล่าวในรายการ Squawk on the Street ของ CNBC ว่า โดยพื้นฐานแล้วเมื่อรวมสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน ก็ทำให้เกิดความกังวล

อย่างไรก็ตามตลาดกลับมาฟื้นตัวหลังจากนั้นด้วยการปรับขึ้น เกือบ 4%ของหุ้น Nvidia หลังการรายงานต่อ SEC แสดงให้เห็นว่า ซีอีโอ Jensen Huang หยุดขายหุ้นออกแล้ว ก่อนหน้านี้ Huang ประกาศความตั้งใจที่จะขายหุ้น Nvidia มากถึง 6 ล้านหุ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2025 และบรรลุเป้าหมายก่อนที่แผนจะหมดอายุหลายเดือน โดยขายออกไป 120,000 หุ้นมูลค่าเกือบ 14.3 ล้านดอลลาร์ แต่ยังคงถือหุ้น Nvidia โดยตรง 75.4 ล้านหุ้น และอีก 786 ล้านหุ้นผ่าน TRUSTและหุ้นส่วน

นอกจากนี้ตลาดยังปรับขึ้นจากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio-RRR) ลง 0.50% และสนับสนุนสภาพคล่องสำหรับหุ้นอย่างน้อย 800 พันล้านหยวน (114 พันล้านดอลลาร์) รวมไปถึงจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (reverse repurchase rate) ระยะ 7 วันลงจาก 1.7% เป็น 1.5% การลดเงินดาวน์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง และการจัดสรรเงินกู้ระยะยาวมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.4178 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ETF กลุ่มโลหะและเหมืองแร่ เพิ่มขึ้นอย่างมากจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน

โดย SPDR S&P Metals & Mining ETF เพิ่มขึ้น 4.8% ในการซื้อขายช่วงบ่าย และหุ้นเหมืองทองแดงและลิเธียมเพิ่มขึ้น โดยหุ้น Freeport-McMoRan เพิ่มขึ้น 7.93% หุ้น Southern Copper เพิ่มขึ้น 7.22%, หุ้น Albemarle เพิ่มขึ้น 1.97% และหุ้น Arcadium Lithium เพิ่มขึ้น 3.2%

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯก็ปรับขึ้นเช่นกัน โดย หุ้น Alibaba และ หุ้นJD.com เพิ่มขึ้น 7.9% และ 13.9% ตามลำดับ
หุ้น Visa ลดลง 5.49% หลังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทในฝ่าฝืนกฎหมายผูกขาด

ตลาดยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้นของบริษัทที่มีธุรกิจในจีน ทั้ง หุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าหรูและผู้ผลิตรถยนต์ หลังจากธนาคารกลางจีนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ

ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับขึ้นโดดเด่น โดยเพิ่มขึ้น 1.3% เพราะเป็นที่ตั้งของแบรนด์หรูจำนวนมาก

ธนาคารกลางจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในวงกว้าง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันภาวะเงินฝืดที่แข็งแกร่ง และเสี่ยงต่อการพลาดเป้าหมายการเติบโตของปีนี้

ดัชนีกลุ่มบริษัทหรูในยุโรปซึ่งพึ่งพาการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวจีนอย่างมาก เพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 2.5%
หุ้น LVMH เพิ่มขึ้น 3.2% หุ้น Richemont เจ้าของ Cartier ก็เพิ่มขึ้น 4.1% เช่นกัน
กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานเพิ่มขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นวันเดียวที่มากที่สุดในรอบ 22 เดือน จากราคาโลหะพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้นด้วยแนวโน้มอุปสงค์ของจีนที่ปรับตัวดีขึ้น

กลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีน เช่น รถยนต์และอุตสาหกรรม ก็เพิ่มขึ้น 1.1% และ 0.6% ตามลำดับ

สำหรับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของธุรกิจเดือนกันยายน ในเยอรมนีลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นการเพิ่มสัญญาณว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยูโรโซนอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

สถาบันเศรษฐกิจชั้นนำของเยอรมนีปรับลดการคาดการณ์ปี 2024 ลง และคาดว่าเศรษฐกิจหดตัว 0.1% จากการรายงานของรอยเตอร์
นักลงทุนจับตาการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยในสวิตเซอร์แลนด์และสวีเดนที่จะมีขึ้นในปลายสัปดาห์นี้
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 519.70 จุด เพิ่มขึ้น 3.38 จุด, +0.65%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,282.76 จุด เพิ่มขึ้น 23.05 จุด, +0.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,604.01 จุด เพิ่มขึ้น 95.93 จุด, +1.28%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,996.63 จุด เพิ่มขึ้น +149.84 จุด, +0.80%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 71.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 75.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล