ดาวโจนส์ปิดบวก 38 จุด นักลงทุนชะลอลงทุน

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 38 จุด แตะระดับสูงสุดใหม่ นักลงทุนชะลอการลงทุน หลังดัชนีปรับขึ้นแรงรับเฟดลดดอกเบี้ยอย่างมาก ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” อ่อนตัวลงเล็กน้อย ฟาก ”ตลาดหุ้นยุโรป“ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 20กันยายน 2567 ปิดที่ 42,063.36 จุด เพิ่มขึ้น 38.17 จุด หรือ +0.09% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ แม้นักลงทุนชะลอการลงทุน จากที่ปรับขึ้นแรงหลังการปรับลดดอกเบี้ยอย่างมากของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,702.55 จุด ลดลง 11.09 จุด, -0.19%
         
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,948.32 จุด ลดลง 65.66 จุด, -0.36%
            
หลังจากเพิ่มขึ้นสูงสุดรายวันเดียวนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม ดัชนีหลักก็อ่อนตัวลง แต่ยังปิดบวกรายสัปดาห์ได้อย่างน้อย 1%
         
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.62%, ดัชนี S&P500 บวก 1.36% และเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ใน 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และตั้งแต่ต้นปีปรับขึ้น 19% ส่วนดัชนี Nasdaq บวก 1.49%
            
ในบ่ายวันพุธเฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 แต่การตอบสนองของตลาดล่าช้า จึงมาปรับขึ้นในวันพฤหัสบดี จากการแห่ซื้อเทคโนโลยี  และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง
         
เมื่อวานนี้ ตลาดปรับตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ หลังจากความเห็นของผู้ว่าการเฟด นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ในการให้สัมภาษณ์ CNBC ว่า เงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าที่คาด เขาสนับสนุนการลดดอกเบี้ย 0.50% ทำให้มีความคาดหวังเพิ่มขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน
         
มาร์ค แฮคเก็ตต์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของ Nationwide กล่าวว่า นักลงทุนมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเป็นตัวเร่งเชิงบวก เฟดสามารถโน้มน้าวนักลงทุนได้อย่างดีว่าการลดขนาดลงอย่างมากเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อรักษาแรงส่งทางเศรษฐกิจ แทนที่จะเป็นการเคลื่อนไหวเชิงรับเพื่อรักษาเสถียรภาพ ปฏิกิริยาของตลาดที่แข็งแกร่งบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเฟด
         
อย่างไรก็ตาม นาง มิเชล โบว์แมน ผู้ว่าการเฟดอีกรายหนึ่งสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25%
  
  FedWatch Tool ของ CME’s บ่งชี้ว่า ตลาดมองว่ามัโอกาส 100% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพฤศจิกายน และมองว่า มีโอกาส 48.9% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%
         
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 2.69% มาที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P ด้วยแรงหนุนจากหุ้น Constellation Energy ที่พุ่งขึ้น 22.29% หลังบริษัทได้ลงนามในข้อตกลง data center กับ Microsoft เพื่อฟื้นฟูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Three Mile Island ในรัฐเพนซิลเวเนีย
         
ดัชนีดาวโจนส์ยังได้แรงหนุนจาก หุ้น Intel ที่เพิ่มขึ้น 3.31% หลังจาก The Wall Street Journal รายงานว่า Qualcomm ได้เสนอเทกโอเวอร์กิจการ
         
หุ้น Nike บวก 6.84% หลังประกาศว่า Elliott Hill อดีตผู้บริหารระดับสูงจะกลับมาทำงานกับ ในตำแหน่งซีอีโอแทน John Donahoe
         
หุ้น FedEx ร่วง 15.23% หลังปรับลดคาดการณ์รายได้ทั้งปี ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์กลุ่มการขนส่ง ลดลง 3.53% และเป็นการลดลงรายวันมากที่สุดตั้งแต่ปลายเดือนเมษษยน 2023
 
         
         
ตลาดยุโรปปิดลบหลังจากที่วิ่งขึ้นแรงด้วยแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
         
ดัชนี STOXX 600 ทั่วยุโรปปิดลดลง 1.4% แม้ว่าเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันก็ตาม
         
ตลาดหุ้นยุโรปหลักๆ ทั้งหมดปรับตัวลงแรง ยกเว้นสเปน ที่ลดลง 0.2%
         
หุ้น Novo Nordisk บริษัทยาเดนมาร์ก ลดลง 5.4% หลังจากการทดลองระยะที่ 2a ของยาเม็ดลดความอ้วน monlunabant ได้ผลต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
         
กลุ่มเฮลธ์แคร์ลดลง 1.9%
         
กลุ่มรถยนต์นำการปรับลง โดยลดลง 3.6% จากการร่วงลง 6.8% ของหุ้น Mercedes-Benz  หลังปรับลดเป้าหมายอัตรากำไรทั้งปีเป็นครั้งที่สองในเวลาไม่ถึงสองเดือน ส่วนหุ้นรถยนต์อื่น ทั้ง Volkswagen และ Forvia ของฝรั่งเศสลดลง 3.4% และ 8% ตามลำดับ
         
กลุ่มเทคโนโลยีลดลง 2.7% หลัง หุ้น ASML ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิปคอมพิวเตอร์เนเธอร์แลนด์ลดลง 4.2% หลังจาก Morgan Stanley ปรับลดคำแนะนำการลงทุนป็น equal-weight
         
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงาน ยอดค้าปลีกของอังกฤษเพิ่มขึ้น 1% แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนสิงหาคม และมีการปรับตัวเลขเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.5 จุดในเดือนกันยายนจากตัวเลขเดือนสิงหาคม
         
ดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมนีลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนสิงหาคม โดยลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 1%
         
หุ้น DHL  ของเยอรมนีลดลง 4.4% ตาม FedEx คู่แข่งในสหรัฐฯ ที่รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกน่าผิดหวัง
         
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 514.26 จุด ลดลง 7.41 จุด หรือ -1.42%
         
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่  8,229.99 จุด ลดลง 98.73 จุด หรือ -1.19%
         
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,500.26 จุด ลดลง 115.15 จุด หรือ -1.51%
         
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,720.01 จุด ลดลง 282.37 จุด หรือ -1.49%
        
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 71.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 39 เซนต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 74.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล