YLG อัพเป้าราคาทอง 2,700 ดอลลาร์ ในไทย 42,600 บาท ปัจจัยหนุนเพียบ

HoonSmart.com>>”วายแอลจี”ปรับเป้าราคาทองคำ 2,650-2,700 ดอลลาร์สหรัฐ หลังเฟดลดดอกเบี้ยแรง 0.50%  Dot Plot ชี้สิ้นปีนี้ลดอีก 0.50% เปิด 3 ปัจจัยหนุน ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังยืดเยื้อ กองทุน ETF กลับเข้าซื้อทองต่อเนื่อง 4 เดือน (พ.ค. – ส.ค.) ธนาคารกลางทั่วโลกยืนเก็บทองเข้าพอร์ต ส่วนราคาในประเทศให้เป้า 42,600-43,000 บาท หากเงินบาทไม่แข็งค่าเกิน 33.50 /ดอลลาร์ ทุกครั้งที่เงินบาทแข็ง 10 สตางค์ กดราคาทองลงราว 90-120 บาท 

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล   (YLG) กล่าวว่า  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.50% และส่งสัญญาณผ่าน Dot Plot เปิดช่องทางการปรับลดดอกเบี้ยได้อีก 0.50% รวมทั้งสิ้นปีนี้ที่ 1.00% จึงมาเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

แม้ว่าล่าสุดราคาทองคำจะถูกขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยถูกกดดันระยะสั้นทันทีที่ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เผยถ้อยแถลง ที่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมพยายามบรรเทาตลาดไม่ให้ตื่นตระหนกต่อการปรับลดดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% โดยกล่าวว่า เป็นเพียงเพื่อการรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงานสหรัฐเอาไว้เท่านั้น ไม่ได้เห็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดีมองว่าภายในปีนี้ทองคำมีโอกาสทำจุดสูงใหม่ โดยวายแอลจี มองราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2,650-2,700 ดอลลาร์สหรัฐ  เนื่องจากการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลงไปอีก 2 ปีของเฟด จะเป็นปัจจัยหนุนหลักในระยะยาวต่อราคาทองคำ

นอกจากนี้ทองคำยังมีปัจจัยบวกด้านอื่นๆ ที่แข็งแกร่ง เช่น ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาตร์ ที่ยังสร้างความกังกลในหลายพื้นที่ และการกลับเข้ามาซื้อทองคำ 4 เดือนต่อเนื่อง ของกองทุน ETF ทองคำ ตั้งแต่เดือน พ.ค. – ส.ค. ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นที่เริ่มมีนัยสำคัญ รวมถึงธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จนช่วงครึ่งปี 2567 ได้เข้าซื้อทองคำรวม 483.3 ตัน สูงสุดในประวัติศาสตร์ครึ่งปีแรก

สำหรับราคาทองคำในประเทศในช่วงนี้แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน  ทุกครั้งที่ค่าเงินบาทแข็งค่า 10 สตางค์ จะทำให้ราคาทองคำปรับลดลงมาราว 90-120 บาท แต่ถ้าบาทไม่แข็งค่าเกิน 33.50 บาท  มองว่าเป็นจุดรับ เพราะทองคำมีโอกาสที่ทองคำจะไปถึง 41,800 บาท และเป้าหมายถัดไปที่โซน 42,600-43,000 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงด้านค่าเงินไม่ได้สูง วายแอลจีแนะนำให้ลงทุนผ่าน YLG Gold Wallet บนแอปฯเป๋าตัง ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางให้ผู้ที่ต้องการซื้อทองคำในราคาตลาดโลกแบบเรียลไทม์ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐบนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่ให้บริการซื้อขายทองคำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์ซื้อ – ขาย ทองต่อครั้งด้วย ขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัมเพิ่มทางเลือกในการซื้อ – ขายทองคำความบริสุทธ์ 99.99 ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเลือกดีไซน์ทองได้มากกว่า สามารถเลือกรับทองคำจริงได้ทั้งเหรียญทองคำและทองแท่ง ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปลงทุนทองคำในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า

นอกจากนี้ วายแอลจีมองว่าการลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออม และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่เปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง โดยผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชัน รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มที่ 100 บาท ไปจนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ที่ App Store และ Play Store หรือ LINE : @ylggetgold โทร. 0-2678-9888 #2