ดาวโจนส์ปิดร่วง 180 จุด ….ผวาเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com >> ดาวโจนส์ปิดร่วง 180 จุด Nasdaqลบ 1% รายงานประชุมเฟดบ่งชี้อาจขึ้นดอกเบี้ยอีก

ดัชนีดาวโจนส์  ปิดวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ที่ 34,765.74 จุด ลดลง 180.65 จุด หรือ 0.52% หลังการรายงานการประชุมนโยบายครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) บ่งชี้ว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก สร้างความวิตกแก่นักลงทุน

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,404.33 จุด ลดลง 33.53 จุด, -0.76%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,474.63 จุด ลดลง 156.42 จุด, -1.15%

รายงานการประชุมวันที่ 24-25 กรกฎาคมของเฟด แสดงให้เห็นว่า แม้กรรมการเฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก แต่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดึงเงินเฟ้อลง

รายงานระบุว่า ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาว และตลาดแรงงานที่ยังตึงตัว ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่ามีความเสี่ยงขาขึ้นที่สำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจต้องมีการเพิ่มความเข้มงวดของนโยบายการเงิน

อัตราดอกเบี้ย fed funds rate ปัจจุบันอยู่ที่ 5.25%- 5.5% สูงสุดในรอบกว่า 22 ปี
อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นหลังการเผยแพร่รายงาน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเข้าใกล้ 4.3% อัตราผลตอบแทนอายุ 2 ปีปิดที่ 5%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยดัชนีหุ้น S&P 500 bank index ลดลง 0.9% นำโดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาที่ลดลง 1.9.

ควินซี โครสบี หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ระดับโลกของ LPL Financial กล่าวว่า ตลาดยังคงเทขายอย่างต่อเนื่อง จากรายงานการประชุมของเฟดตอกย้ำว่า จำเป็นต้องชะลอเศรษฐกิจเพื่อให้อุปสงค์ลดลงตาม

“ประมาณการจีดีพีไตรมาสสาม ประกอบกับข้อมูลยอดค้าปลีก บ่งชี้ถึงปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งมากต่อเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่เฟดต้องการเห็น ขณะที่กำลังดำเนินการในช่วงสุดท้ายเพื่อบรรลุเสถียรภาพด้านราคา”

สตีฟ ซอสนิก หัวหน้านักกลยุทธ์ของ Interactive Brokers กล่าวว่า เฟดไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเดินหน้าจนกว่าจะมั่นใจว่าการคาดการณ์เงินเฟ้อจะหายไป

แม้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเฟดใกล้จะยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้แล้ว แต่กังวลว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบร้ยไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อวานนี้ ได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเดือนกรกฎาคม จากเฟดที่เพิ่มขึ้น 1.0% สูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์รายงาน การเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 3.9% มีจำนวน 1.452 ล้านยูนิตสูงกว่า 1.448 ล้านยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาดการรายงานผลการดำเนินงานยังมีผลต่อหุ้นรายตัว โดยหุ้น Target ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่เพิ่มขึ้นราว 3% หลังรายได้กำไรไตรมาสสองดีกว่าคาด แม้ปรับลดคาดการณ์ทั้งปีลง

หุ้น Nvidia ลดลง 0.12% แม้โบรกเกอร 2 รายปรับเพิ่มราคาเป้าหมายก่อนการรายงานผลการดำเนินงานในสัปดาห์หน้า

หุ้น Intel ลดลงกว่า 3% ฉุดดัชนีดาวโจนส์ หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากการร่วงลงของกลุ่มธนาคาร ด้วยความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนหลังข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าชะลอตัวลงอย่งรวดเร็ว และจากความวิตกต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังสูงในอังกฤษ

ดัชนีกลุ่มธนาคารลดลง 0.7% ไปที่ระดับต่ำสุดรอบสัปดาห์ หุ้น HSBC Holdings ซึ่งมีธุรกิจในจีนลดลง 1.7% ซึ่งต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ไปที่ระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือน

หุ้นกลุ่มสินค้าหรูซึ่งพึ่งพิงอุปสงค์ในจีนพากันปรับตัวลง โดยหุ้น LVMH ลดลง 0.2% หุ้น Kering ลดลง 0.4%

การผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ของบริษัททรัสต์ชั้นนำของจีน และการลดลงของราคาบ้านได้ทำให้กังวลมากขึ้นวิกฤติภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นของจีน เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่มีแรงส่งเหลือเพียงเล็กน้อย

GDP ไตรมาสสองเบื้องต้นของยูโรโซนขยายตัว 0.3% จากไตรมาสแรก ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน

ตลาดยังกังวลต่อเงินเฟ้อของอังกฤษ หลังตัวชี้วัดสำคัญเงินเฟ้อของธนาคารกลางอังกฤษสะท้อนว่า เงินเฟ้อยังไม่ลดลงในเดือนกรกฎาคมแม้เงินเฟ้อทั่วไปอ่อนตัวลง

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 455.29 จุด ลดลง 0.28 จุด, -0.06%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,356.88 จุด ลดลง 32.76 จุด, -0.44%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,260.25 จุด ลดลง 7.45 จุด, -0.10%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,789.45 จุด เพิ่มขึ้น 22.17 จุด, +0.14%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 79.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 83.45 ดอลลาร์/บาร์เรล