ALL อ่วม Q2/66 ขาดทุน 1,307 ลบ. ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 781 ลบ. เล็งขอฟื้นฟูกิจการ

HoonSmart.com>> “ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์” (ALL) เปิดงบไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 1,397 ล้านบาท งวดครึ่งปีขาดทุน 1,653 ล้านบาท ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นงบ บริษัทแจงขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถก่อสร้างโครงการต่อได้ ด้านขาดทุนสะสมพุ่งแตะ 2,459 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 781 ล้านบาท เตรียมยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการ ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้น SP หุ้น วันที่ 15 ส.ค.66

บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 1,306.91 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.76 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 154.34 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.11 บาท

ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 1,653.48 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.96 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 231.72 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.17 บาท

ด้านตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ของ ALL ในวันที่ 15 ส.ค. 2566 และปลดเครื่องหมายในวันที่ 16 ส.ค.2566 และขึ้น NP กรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2566 เหตุผลเนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งแก้งบได้

บริษัทฯ ชี้แจงกรณีผู้สอบบัญชีม่แสดงความเห็น/ไม่ให้ความเชื่อมั่นต่องบ ไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจํากัดขอบเขตโดยผู้บริหาร แต่เกิดจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่มีสาระสําคัญจาก 1.บริษัทฯ ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 1 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จํานวน 1.00 ล้านบาท และ 0.83 ล้านบาท ตามลําดับ ขณะที่หนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 1,943.07 ล้านบาท และ 1,912.83 ล้านบาท ตามลําดับ และภาระผูกพันในการจ่ายชําระค่าซื้อที่ดินที่ถึงกําหนดชําระภายใน 1 ปี จํานวน 1,523.22 ล้านบาท และ 1,433.65 ล้านบาท ตามลําดับ

กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนจากการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้มีผลขาดทุนเกินทุนจํานวน 781.27 ล้านบาท และ 617.74 ล้านบาท ตามลําดับ และขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงเป็นเหตุให้กลุ่มบริษัทไม่สามารถดําเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในปัจจุบันต่อได้ ผิดนัดชําระหนี้ทั้งจากเจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากบุคคลภายนอก เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ รวมถึงผิดนัดชําระดอกเบี้ยหุ้นกู้และผิดนัดชําระคืนเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ อยูระหว่างการจัดหาเงินจากแหล่งเงินทุนเพื่อจ่ายหนี้สินหมุนเวียนและภาระผูกพันที่ถึงกําหนดชําระดังกล่าว

สถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทยังไม่สามารถเพิ่มทุนได้ตามแผนธุรกิจเดิมและแผนการขายสินทรัพย์ เพื่อนำมาชำระหนี้มีความล่าช้า จึงทำให้มีความไม่แน่นอนที่มีอย่างมีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับความสามารถในการจัดหาเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการชําระคืนหนี้สินของกลุ่มบริษัท และเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจัดทําแผนฟื้นฟูกิจการ และการจัดจ้างสํานักงานทนายความเพื่อดําเนินการยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการ

2) การผิดนัดชําระหนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนเป็นจํานวนเงิน 5,321.55 ล้านบาท ซึ่งมีจํานวนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนเป็นจํานวนมาก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่ถึงกําหนดชําระภายใน 1 ปี จํานวน 2,323.04 ล้านบาท หุ้นกู้ 4 รุ่น ได้แก่ ALL235A ALL23OA ALL242A และ ALL252A ผิดนัดชําระดอกเบี้ยที่ถึงกําหนดชําระในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิเรียกขอเรียกให้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกําหนดชําระหนี้โดยพลัน (วันที่ครบกําหนดชําระโดยพลันคือวันที่ 31 กรกฎาคม 2566) ซึ่งเหตุผิดนัดดังกล่าวยังคงดํารงอยู่ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ดังนั้นเมื่อนํามูลหนี้หุ้นกู้ที่ผิดนัดชําระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกําหนดชําระโดยพลัน ซึ่งมีจํานวนมากกว่า 400.00 ล้านบาท จึงเป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชําระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ที่เหลือ (Cross Default) ซึ่งเป็นไปตามข้อกําหนดสิทธิ และหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นกู้ได้มอบหมายให้ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ดําเนินการเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชําระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือดําเนินการฟ้องร้องและบังคับจํานองทรัพย์สินหลักประกันของผู้ออกหุ้นกู้เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบุคคลภายนอก เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกําหนดชําระภายใน 1 ปี และเงินกู้ยืมระยะยาวจากบุคคลภายนอกที่ถึงกําหนดชําระภายใน 1 ปี รวมจํานวน 1,544.69 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ไม่สามารถจ่ายชําระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าวได้ตามระยะเวลาที่กําหนด และเจ้าหนี้เงินกู้หลายรายฟ้องร้องบริษัทต่อศาลแพ่งและศาลอาญาให้บริษัทฯ จ่ายชําระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดชําระ ปัจจุบันคดีความอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีภาระหนี้สินอื่นๆ ที่ผิดนัดชําระหนี้หรือผิดสัญญาอีกเป็นจํานวนมาก

3) การถูกฟ้องร้อง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ ถูกฟ้องร้องจากสถาบันการเงิน บริษัทอื่น และบุคคลธรรมดาหลายรายในคดีต่างๆ จากการผิดสัญญา การเรียกร้องค่าเสียหายและอื่นๆ โดยมีทุนทรัพย์สําหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ รวมจํานวน 317.01 ล้านบาท ปัจจุบันคดีความอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลสถานการณ์ตามที่ได้กล่าวถึงข้างต้นมีผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกัน โดยแสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสําคัญต่อความสามารถในการดําเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบร1ษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่มีสาระสําคัญในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ

ด้านผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่มบริษัท ได้บันทึกขาดทุนจากการยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินรวมจํานวน 100 ล้านบาท และ 101 ล้านบาท ตามลําดับ เนื่องจากไม่สามารถเจรจาต่อรองขอขยายระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายกับบุคคลหลายรายได้ และกลุ่มบริษัทได้บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินมัดจําค่าที่ดิน ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ จํานวน 784.25 ล้านบาท และจํานวน 734.45 ล้านบาท ตามลําดับ

อีกทั้งบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อยและการร่วมค้าในงบการเงินเฉพาะกิจการ จํานวน 381.10 ล้านบาท และ 167.99 ล้านบาท ตามลําดับ จากการประเมินมูลค่าสุทธิที่คาดว่าจะได้รับที่ต่ำกว่าวิธีราคาทุนของต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและขาดทุนอื่นของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมค้า

นอกจากนี้บริษัทย่อยแห่งหนี่งได้บันทึกข้อตกลงระงับข้อพิพาทจากการผิดสัญญาเงินกู้ยืมกับบุคคลภายนอกท่านหนึ่ง เพื่อโอนสิทธิการเช่าช่วงห้างสรรพสินค้าและอาคารพาณิชย์ของบริษัทย่อย ซึ่งเป็นหลักประกันตามสัญญา เพื่อชําระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยค้างจ่ายของเงินกู้ให้กับบุคคลภายนอกดังกล่าว บริษัทย่อยจึงรับรู้ผลขาดทุนจากการยุติข้อพิพาทจากการผิดสัญญาเงินกู้ยืมจํานวน 294.37 ล้านบาท

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทมีขาดทุนสะสมจำนวน 2,459 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 1,604 ล้านบาท หนี้สินรวม 5,386 ล้านบาทและส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 781 ล้านบาท