HoonSmart.com>>หุ้นไทยบวก 11 จุดเด่นกว่าภูมิภาค แรงซื้อบูลชิพ เงินบาทแข็ง รมว.คลังเผยประชาชนจำนวนมากสนใจจองซื้อหน่วยลงทุน กองทุนวายุภักษ์หนึ่งวันแรก แจก 1 หมื่นบาทกลุ่มเปราะบาง เสนอเข้าครม.พรุ่งนี้ (17 ก.ย.) คุยคมนาคมตั้งกองทุน IFF 3 แสนล้านบาท หนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ตลาดหุ้นไทยสดใส วันแรกของการขายหน่วยลงทุน กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง (16 ก.ย.2567) มีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ระดับ 1,435.53 จุด เพิ่มขึ้น 11.14 จุด หรือ +0.78% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 61,020.12 ล้านบาท โดยนักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อขายเพียงเล็กน้อย ต่างชาติซื้อเพียง 350.23 ล้านบาท บัญชีบล. ซื้อ 607 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขาย 950 ล้านบาท สถาบันขาย 7 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทปิดที่ 33.21/23 ต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค
ตลาดหุ้นที่บวกทะลุแนวต่านสำคัญทางเทคนิคที่ 1,430 จุด จากแรงซื้อหุ้นพื้นฐานดีขนาดใหญ่ เช่น SCC ปิดที่ 249 บาท บวก 8 บาท หรือ +3.32% มูลค่าซื้อขาย 1,149.29 ล้านบาท รวมถึงการซื้อหุ้นค้าปลีก นำโดย CPALL
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงการซื้อหน่วยลงทุน กงทุนวายุภักษ์หนึ่งวันแรก (16-20 ก.ย.2567) ว่า ประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก ส่วนจะนำเงินไปลงทุนอะไรนั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายกองทุน ส่วนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจทัลวอลเล็ต คลังจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 17 ก.ย.นี้ พิจารณางบประมาณ ในการจ่ายให้กลุ่มเปราะบาง รวม 14.5 ล้านคน โดยใช้เวลาให้จ่ายเงินประมาณ 4 วัน
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund: IFF) ขนาดไม่เกิน 3 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินนโยบายรถไฟฟ้าเริ่มต้น 20 บาททุกสาย
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันแรกของการเปิดจองหน่วยลงทุน กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ผลตอบรับค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ ส่วนแนวทางการจัดสรรจะเป็นรูปแบบใดนั้น ต้องรอดูยอดจองซื้อที่เข้ามาให้ครบตลอดทั้ง 5 วันก่อน คือ ระหว่างวันที่ 16-20 ก.ย.2567
ทั้งนี้ ประชาชนที่เป็นนักลงทุนรายย่อย กำหนดวงเงินรวมเบื้องต้น 3.5 หมื่นล้านบาท เสนอขายราคาหน่วยละ 10 บาท สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท และเพิ่มขึ้นได้ครั้งละ 1,000 บาท โดยจะประกาศผลการจัดสรรในวันที่ 25 ก.ย.2567 ด้วยวิธี Small Lot First (ผู้จองซื้อจำนวนขั้นต่ำได้รับจัดสรรก่อน) เพื่อความเท่าเทียมกัน
ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า หุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้น ได้แรงหนุนจากเริ่มขายหน่วยลงทุนของกองทุนวายุภักษ์แล้ว ช่วยปลดล็อกสัญญาณในระยะถัดไปได้มากขึ้น และเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เป็นบวกต่อ Fund Flow ในช่วงรอดูการประชุมของธนาคารกลาง หลายแห่ง ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะโฟกัสกันเป็นพิเศษ ว่าจะ่ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ตอนนี้ตลาดให้น้ำหนัก 50:50 อีกทั้งยังต้องติดตาม Dot plot จะออกมาเป็นอย่างไรด้วย นอกจากนี้ยังมีการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน
อย่างไรก็ดี ตลาดยังมีโมเมนตัมที่จะบวกต่อได้ในลักษณะค่อย ๆ ฟื้น ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้จะเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ต่างรอดูการประชุมเฟดก่อน นอกจากนี้ สัปดาห์นี้ยังมีเงินเฟ้อ CPI ของฝั่งยูโร โซน ที่จะต้องติดตาม รวมถึงยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐด้วย
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ตลาดยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก โดยมีแนวรับ 1,425 จุด แนวต้าน 1,438 ถัดไป 1,442-1,450 จุด
IQ> “พิชัย” งัด 3 ข้อเสนอจ่อถกผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ “ลดดอกเบี้ย-แก้บาทแข็ง-เติมสภาพคล่อง”
Monday, September 16, 2024 14:51
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 67)–นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เตรียมนัดหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเร็ว ๆ นี้ โดยมี 3 เรื่องที่จะเสนอให้ ธปท.ช่วยดูแลเศรษฐกิจและภาคการส่งออก ได้แก่ 1. การลดดอกเบี้ย เนื่องจากขณะนี้อัตราเงินเฟ้อลดลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็เตรียมลดดอกเบี้ย ดังนั้น ธปท.จึงควรปรับดอกเบี้ยลงเช่นกัน 2. ดูแลเงินบาทที่แข็งค่าเร็วมาอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์ โดยแข็งค่าขึ้นถึง 5-6% ภายในเดือนเดียว ส่งผลกระทบอย่างมากกับผู้ส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีกำไรน้อยอยู่แล้ว และ 3. การเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการ SME ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งเป็นความเดือดร้อนที่ต่อเนื่องมาจากผลกระทบในช่วงโควิด
“ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วมาก และดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ขณะที่ GDP โตเพียง 1.9% คนจนลำบากมาก ผมงงกับคำพูดของผู้ว่าฯ ธปท. ที่บอกว่าประเทศไทยไม่ต้องเน้น GDP ไม่รู้ท่านจบจากไหน ทำไมถึงไม่รู้เรื่อง ทำไมถึงจะไม่เน้น GDP เพราะ GDP คือรายได้ ตอนนี้คนจนไม่มีรายได้ มีแต่หนี้สิน แล้วจะมีความสุขได้อย่างไร GDP ของประเทศที่เติบโต 1.9% ส่วนใหญ่เป็นรายได้ของเศรษฐี คนจนแทบไม่มีส่วนเลย” นายพิชัย กล่าว
พร้อมมองว่า ธปท.ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำให้อย่างไรให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต ไม่ใช่มีหน้าที่แค่กำกับดูแลอย่างเดียว หรือพอรัฐบาลจะทำอะไร ก็จะคอยแต่ค้าน ทั้งนี้ อยากให้ดูตัวอย่างประเทศสหรัฐฯ ที่เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ก็มีมาตรการ QE ใส่เงินไปหลายรอบจนเศรษฐกิจฟื้นกลับมาได้ แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยเน้นการทำนโยบายแบบคู่ขนาน (Dual Track) ที่สร้างเศรษฐกิจให้เติบโตทั้งคนระดับบนและระดับล่าง ซึ่งเรื่องนี้นโยบายการเงินของ ธปท.จะมีความสำคัญมาก มากกว่านโยบายทางการคลังเสียอีก
“ถ้าเศรษฐกิจไทยเติบโตมาก หรือ Over heat ถ้าธปท.จะสกัดบ้าง ผมโอเค แต่ขณะนี้เศรษฐกิจไทยโตต่ำมาก คนจนกำลังแย่ ก็ต้องช่วยกันคิด ว่าจะทำให้อย่างไรให้เศรษฐกิจเติบโต ที่ผมพูดแบบนี้ อย่าเข้าใจผิดว่าผมมีปัญหากับ ธปท. ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพียงแค่อยากให้ช่วยกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจเท่านั้น” รมว.พาณิชย์ ระบุ