บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,505 ลุ้นแนวต้าน 1,580 สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยแนะ 2 ปัจจัยชี้นำหุ้น การเมือง-ฟันด์โฟลว์ หลังจากต่างชาติขายหุ้นไทยน้อยลงเพียง 116 ล้านบาทสัปดาห์ก่อน ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยคาดแกว่งที่ระดับ 34.75-35.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 35.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (15-18 ส.ค.) ว่าดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,520 และ 1,505 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,560 และ 1,580 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การเมือง และทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 25-26 ก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/66 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

ในวันศุกร์ที่ 11 ส.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,535.16 จุด เพิ่มขึ้น 0.31% จากปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 51,448.87 ล้านบาท ลดลง 0.62%   ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.33% มาปิดที่ระดับ 459.80 จุด

ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยช่วงต้นสัปดาห์ลดลงตามแรงขายของนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจีนรายงานตัวเลขส่งออกเดือนก.ค. หดตัวมากกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ดีหุ้นทยอยฟื้นตัวกลับมาได้ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยตอบรับกระแสข่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล (แม้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป) แต่กรอบการปรับขึ้นยังจำกัดเนื่องจากนักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนก่อนวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ทั้งนี้หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากสุด ได้แก่ ไฟแนนซ์ แบงก์ และพลังงานซึ่งยังได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกในระหว่างสัปดาห์

ส่วนค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (15-18 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 34.75-35.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าผ่านแนว 35.00 ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 35.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าตามทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย นำโดยเงินหยวนที่เผชิญแรงกดดันจากตัวเลขการส่งออกและนำเข้าของจีนที่หดตัวลงมากกว่าที่คาดในเดือนก.ค. และตอกย้ำแนวโน้มที่เปราะบางของเศรษฐกิจจีน ประกอบกับเงินบาทยังคงมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงระหว่างรอความชัดเจนของประเด็นการเมือง

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมบางส่วนจากสัญญาณของเจ้าหน้าที่เฟดที่ยังคงให้ความเห็นถึงความจำเป็นของการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งล่าสุด แม้ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ เดือนก.ค. จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด แต่ยังคงอยู่เหนือระดับเงินเฟ้อเป้าหมายของเฟด อย่างไรก็ดี กรอบการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นไปอย่างจำกัดก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ

ในวันศุกร์ที่ 11 ส.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.79 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (4 ส.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 7-11 ส.ค. 2566 นั้นขายสุทธิหุ้นไทย 116 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 17,835 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 10,674 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 7,161 ล้านบาท)