PTTGC ขาดทุน Q2/66 กว่า 5 พันลบ. รายได้หด-ขาดทุนสต็อกน้ำมัน

HoonSmart.com>>”พีทีที โกลบอล เคมิคอล” (PTTGC) แจ้งไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,377.91 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 146,731 ล้านบาท ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุมาจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับลดลงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 2,659 ล้านบาท

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 ขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท (-1.24 บาท/หุ้น) เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,377.91 ล้านบาท (0.31 บาท/หุ้น) ในไตรมาส 2/66 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 146,731 ล้านบาท ใกล้เคียงกับในไตรมาส 1/66 แต่ปรับตัวลดลงร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยรายได้รวมในไตรมาสนี้ปรับตัวลดลงโดยหลักจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวลดลงสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แม้ว่ารายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณขายและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นในไตรมาสนี้ สำหรับไตรมาส 2/66 บริษัทฯ รายงาน Adjusted EBITDA อยู่ที่ 6,835 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/66 ร้อยละ 28 โดยหลักจากการอ่อนตัวลงของผลประกอบการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น โดยเฉพาะโรงกลั่นปรับตัวลดลง เนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์หลักปรับตัวลดลง ในขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์อ่อนตัวลงโดยหลักจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ปรับตัวลดลง รวมถึงรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 2/66

นอกจากนี้ ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์มีผลประกอบการอ่อนตัวลง เนื่องจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบของประเทศจีนมีการฟื้นตัวของอุปสงค์ได้ช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ในขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางมีผลประกอบการดีขึ้นโดยหลักจากธุรกิจฟีนอล และผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษยังคงอยู่ในระดับเดียวกับในไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ ธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความกดดันจากปัจจัยทั้งในด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ปลายทางของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และการเริ่มดำเนินการของกำลังการผลิตใหม่ในตลาดโดยเฉพาะจากประเทศจีน ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนโดยเฉพาะในธุรกิจปิโตรเคมีได้รับผลกระทบ ส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้ จำนวน 405 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ (ไม่รวมผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง รายการพิเศษอื่นๆ)จำนวน 2,620 ล้านบาท

โดยบริษัทฯ รับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 2,659 ล้านบาท ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 327 ล้านบาท ผลขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นขาดทุน 1,047 ล้านบาท

บริษัทฯมีการบันทึกรายการพิเศษในไตรมาส 2/2566 ได้แก่ กำไรจากการขายสินทรัพย์สุทธิของบริษัท allnex โดยเป็นการขายและเช่ากลับคืน ทำให้รับรู้กำไรจากรายการดังกล่าวสุทธิที่จำนวน 485 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 2/66 บริษัทฯ รายงานผลขาดทุนสุทธิ 5,591 ล้านบาท (-1.24 บาท/หุ้น)