HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์พุ่ง 484 จุด นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นหลังตลาดร่วงลงหนัก ระหว่างรอรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ เก็งเฟดลดดอกเบี้ยปลายเดือนนี้ หนุนเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 9 กันยายน 2567 ปิดที่ 40,829.59 จุด เพิ่มขึ้น 484.18 จุด หรือ +1.20% นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วตลาดร่วงลงหนักในรอบปี เพราะเก็งว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,471.05 จุด เพิ่มขึ้น 62.63 จุด, +1.16%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,884.60 จุด เพิ่มขึ้น 193.77 จุด, +1.16%
หุ้นเทคโนโลยีซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่ร่วงแรงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลับมาเป็นหุ้นที่ปรับขึ้นอันดับต้นๆในวันจันทร์
ในสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ร่วงกว่า 1,200 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 S&P500 ลดลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 และทำลายสถิติการปรับลดติดต่อกันสี่วันด้วย ส่วนดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากการรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมต่ำกว่าคาด
หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 3.5% และช่วยดึงดัชนีกลุ่มเทคโนโลยีขึ้น ในกลุ่มอื่น หุ้นค้าปลีก หุ้นธนาคาร และหุ้นอุตสาหกรรมก็กลับมาฟื้นตัวเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหนุนผู้บริโภค หุ้น JPMorgan Chase หุ้น Costco หุ้น Amazon และหุ้น Boeing
เป็นหนึ่งในหุ้นที่ปรับขึ้นในวันจันทร์
ซารัต เซธิ หุ้นส่วนผู้จัดการของ Douglas C. Lane & Associates กล่าวว่า หุ้นฟื้นตัวเล็กน้อยในระยะสั้น จากที่มีการขายมากเกินไปเล็กน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดต่างๆ ให้ความสำคัญกับว่าตอนนี้เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ มากกว่าว่าอัตราเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจจะมีผลอย่างไร
ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนกำลังรอรายงานเงินเฟ้อสำคัญสองชุดที่อาจนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันที่ 18 กันยายน โดยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค(Consumer Price Index-CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต(Producer Price Index;PPI) ของเดือนสิงหาคมมีกำหนดเผยแพร่ในเช้าวันพุธและพฤหัสบดีตามลำดับ
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงอย่างมากจาก 2.9% ในเดือนกรกฎาคม
เทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแน่นอนอย่างน้อย 0.25%
หุ้น Apple บวก 0.04% หลังประกาศเปิดตัว iPhone 16 Series จำนวน 4 รุ่น
หุ้น Palantir และหุ้น Dell Technologies พุ่งขึ้น 14% และ 3.8% ตามลำดับ หลังจาก S&P Dow Jones กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าจะนำหุ้นเข้าดัชนี S&P 500
ตลาดยุโรปบวก ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงอย่างมากในสัปดาห์ก่อน ขณะที่มุ่งความสนใจไปที่การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางยุโรป(European Central Bank-ECB) ในวันพฤหัสบดี
ดัชนี STOXX 600 เพิ่มขึ้น 0.8% จากที่ร่วงลง 3.5% ในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 เนื่องจากนักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่าการเติบโตทั่วโลกจะชะลอตัวลง
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 510.70 จุด เพิ่มขึ้น 4.14 จุด, +0.82%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,270.84 จุด เพิ่มขึ้น 89.37 จุด, +1.09%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,425.26 จุด เพิ่มขึ้น 72.96 จุด, +0.99
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,443.56 จุด เพิ่มขึ้น 141.66 จุด, +0.77%
ข้อมูลเมื่อวันจันทร์ชี้ให้เห็นถึงความกังวลทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ในภูมิภาค โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนกันยายน และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม
ความสนใจหลักอยู่ที่การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของ ECB ในวันพฤหัสบดี ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% และจะจับตาการส่งสัญญาณจากประธาน ECB นางคริสติน ลาการ์ด เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีกในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจจำนวนมาก รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สเปน และฝรั่งเศส และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของอังกฤษ
หุ้นทุกกลุ่มใน ดัชนี STOXX 600 ปรับขึ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง 0.2%
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการปรับขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่น โดย เพิ่มขึ้น 2.1% จากการปรับขึ้น 5.3% ของหุ้น Entain บริษัทพนันออนไลน์ของอังกฤษ หลังเปิดเผยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
หุ้น Adidas ลดลง 3% หลังจาก Barclays ปรับลดหุ้นเป็น equal weight จาก overweight
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.54% ปิดที่ 68.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.10% ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล