TIDLOR โตแกร่ง บุกธุรกิจสมัยใหม่ ผู้นำด้าน InsurTech Platform

HoonSmart.com>>”เงินติดล้อ” (TIDLOR) กำลังแปลงร่างเป็นโฮลดิ้ง  รองรับการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ครองตำแหน่งผู้นำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ ยอดคงค้าง 1 แสนล้านบาท ธุรกิจประกันยังเติบโตอีกมาก ลดการพึ่งพาสาขา ชูเทคโนโลยี มุ่งสู่ผู้นำ InsurTech Platform เติมเต็ม Ecosystem เปิดโอกาสกว้างทางธุรกิจ 

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า บริษัทเงินติดล้อคาดแปลงร่างเป็นโฮลดิ้งแล้วเสร็จปลายปี 2567 เป็นโฮลดิ้งเหมือนกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) โดยบริษัทฯมีความชัดเจนในการวางกลยุทธ์เติบโต แบ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจสมัยใหม่ ลดการพึ่งพาสาขาที่มีอยู่จำนวน 1,723 สาขา ใช้เทคโนโลยีมาช่วยบริหารหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่ำกว่า 2% เทียบกับในระบบธนาคารพาณิชย์ที่ 3% ลดสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้จาก 60% เหลือ 50% และรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ไม่เกิน 7 เท่า จาก 3 ปีที่ผ่านมา มีค่าใช้จ่ายเรื่องการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ สำหรับครึ่งปีหลังไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้ว จะเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินปันผลในรูปเงินสด

ส่วนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้างมากกว่า 100,000 ล้านบาท ถือเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถแล้ว และบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกัน ภายใต้เจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้เพิ่มขึ้น เปิดบริการผ่อนเบี้ยประกันรถยนต์ด้วยเงินสด 0% ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานและบริการที่ธุรกิจนายหน้าประกันทั่วไป หันมานำเสนอบริการในรูปแบบดังกล่าวให้กับลูกค้าของตัวเองในวงกว้าง

บริษัทมีการเติบโตมากจากธุรกิจนายหน้าประกัน มีสัดส่วนธุรกรรมจากลูกค้าที่ซื้อประกันสูงกว่าการขอสินเชื่อราว 3 เท่า และ 9 ใน 10 ของกรมธรรม์ที่ขายเป็นการขายให้แก่ลูกค้าที่เจาะจงเข้ามาซื้อประกันโดยเฉพาะ ลูกค้าคนละกลุ่มกับลูกค้าสินเชื่อ สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างการรับรู้ด้านแบรนด์ธุรกิจนายหน้าประกัน ในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยของบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 47.3% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโตเฉลี่ยเพียง 4.5% ต่อปี หรือเติบโตมากกว่าถึง 10 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันได้เป็นอย่างดี

สำหรับภาพรวมธุรกิจนายหน้าประกันในประเทศไทยมีสัดส่วนการซื้อประกันผ่านช่องทางนายหน้าสูงถึง 73% มีนายหน้าประกันอิสระมากกว่า 80,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแบบดั้งเดิมที่อาจมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี ขณะที่ตลาดประกันวินาศภัยมียอดเบี้ยกว่า 285,000 ล้านบาท แต่บริษัทนายหน้าประกันเจ้าหลัก 10 อันดับแรก มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันเพียง 29% เท่านั้น แสดงว่ายังไม่มีผู้ครอบครองหลัก นอกจากนี้ ข้อมูลรถยนต์จดทะเบียนมีจำนวน 19.8 ล้านคัน แต่มากกว่า 46% ยังไม่ได้ทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ แสดงถึงโอกาสในการขยายตัวของตลาดได้อีกมาก ผนวกเข้ากับความแข็งแกร่งธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ จากการใช้เทคโนโลยี แบรนด์ “อารีเกเตอร์” (Areegator) และแบรนด์ “เฮ้กู๊ดดี้” (heygoody) โดยจะมีการปรับโครงสร้างจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ เพื่อปลดล็อกศักยภาพทางธุรกิจนายหน้าประกัน เป็นส่วนสำคัญในการขยายและสร้างการเติบโต รวมถึงโอกาสทางธุรกิจที่ยังมีอยู่อีกมากในอนาคต

” เราโฟกัสการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ผู้นำด้าน InsurTech Platform ผสมผสานเข้ากับการใช้เทคโนโลยีด้านนายหน้าประกันภัย เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเติมเต็ม TIDLOR Ecosystem สร้างระบบนิเวศด้านการเงินและประกันภัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งการตั้งบริษัทใหม่ของธุรกิจสมัยใหม่ เหมือนการปลูกต้นไม้ในกระถางใบเล็ก เพื่อย้ายต้นไม้ไปอยู่ในกระถางใบใหญ่ขึ้น ส่วนการเป็นโฮลดิ้งเพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการสร้างพันธมิตรผ่านการควบรวมกิจการหรือการร่วมลงทุน “นายปิยะศักดิ์ กล่าว

นาง อาฑิตยา พูนวัตถุ ผู้บริหาร ด้านธุรกิจประกันภัย บริษัท เงินติดล้อ (TIDLOR)  กล่าวว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มียอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมมูลค่า 4,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  เป็นผลมาจากการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงมีช่องทางการขายและให้บริการที่ครอบคลุม ทั้งในรูปแบบ Face to Face ผ่าน InsurTech Platform ซึ่งบริษัทฯใช้เทคโนโลยีด้านประกันมามากกว่า 10 ปี ส่งผลให้บริษัทฯเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันได้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ดังนี้

1. แบรนด์ “ประกันติดโล่” (ชื่อเดิม ประกันติดล้อ) นายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face ซึ่งถือเป็นเบอร์ 1 ด้านการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันอย่างใกล้ชิดผ่านนายหน้าผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คน จากช่องทางสาขามากกว่า 1,700 แห่งทั่วประเทศ นำเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันที่ครอบคลุมทั้ง รถยนต์ คน และบ้าน จากบริษัทประกันพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 15 แห่ง พร้อมทางเลือกการผ่อนค่าเบี้ยประกันด้วยเงินสด 0%

ทั้งนี้เบื้องหลังความสำเร็จเกิดจากการใช้เทคโนโลยี Insurance on Tablet ซึ่งบริษัทฯ ได้สร้างและพัฒนาขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการทำงานให้กับพนักงานในทุกสาขาทั่วประเทศ ให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และเงื่อนไขความคุ้มครองด้านประกันที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปัจจุบัน “ประกันติดโล่” ถือเป็นนายหน้าประกันที่รองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้ารายย่อย ที่ต้องการคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากนายหน้ามืออาชีพได้เป็นอย่างดี

2. แบรนด์ “อารีเกเตอร์” (Areegator) แพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ผ่านสมาชิกตัวแทนนายหน้าประกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “จริงใจ เข้าใจ เติบโตไปพร้อมกัน” ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีประกันภัย (Insurtech) เข้ามาช่วยสนับสนุนสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 9,000 คน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้สามารถเข้าถึงระบบบริหารจัดการงานขายประกันที่สะดวก และผลิตภัณฑ์ประกันที่หลากหลาย  โดยไม่ต้องมีเงินทุนตั้งต้น รวมถึงยังนำเสนอบริการผ่อนเบี้ยประกันด้วยเงินสด 0% ให้กับลูกค้าได้ โดยไม่ต้องสำรองเงินของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีจุดแข็งจากการเปิดโอกาสให้สมาชิกสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการแนะนำสินเชื่อทะเบียนรถให้กับลูกค้า ถือเป็นการผสมผสานทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

แนวโน้มผลการดำเนินงานของอารีเกเตอร์ในปี 2567 คาดว่าจะมีเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นกว่า 19 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2563 ปีแรกที่เปิดให้บริการ โดยในปี 2566 สมาชิกอารีเกเตอร์ได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยมากกว่า 150,000 บาทต่อคน ซึ่งสมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้น และเติบโตไปด้วยกัน ยังเป็นเป้าหมายหลักของอารีเกเตอร์ ทั้งนี้ “อารีเกเตอร์” ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Software-as-a-Service (SaaS) ถือเป็นแพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ที่ให้บริการผ่านสมาชิกนายหน้าประกันภัย หรือนักขายอิสระ เพื่อขยายตลาดลงลึกเข้าไปในระดับชุมชนขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

3. แบรนด์ “เฮ้กู๊ดดี้” (heygoody) คือแพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัลโดยเฉพาะที่ไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานขายทางโทรศัพท์ ที่สร้างขึ้นเพื่อกลุ่มลูกค้าประกันรายย่อยที่ไม่ชอบการถูกรบกวน และต้องการเลือกซื้อประกันด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรับความคุ้มครองทันที โดยสามารถเปรียบเทียบเบี้ยและเงื่อนไขด้วยตัวเองจากบริษัทประกันพันธมิตรชั้นนำมากกว่า 15 แห่ง พร้อมเลือกชำระค่าเบี้ยด้วยการผ่อนเงินสดพร้อมดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน มีทั้งแบบผ่อนเท่ากันทุกเดือน หรือผ่อนสดงวดแรกเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถผ่อนค่าเบี้ยประกันด้วยบัตรเครดิตได้อีกด้วย  รวมถึงมีการออกแบบ Platform ที่ใช้งานง่าย ลูกค้าเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครองต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

หลังจากเปิดให้บริการในช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา “เฮ้กู๊ดดี้” มีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากกว่า 2 ล้านคน และจากข้อมูลเชิงลึกพบว่า ลูกค้ามากกว่า 40% ซื้อประกันในช่วงนอกเวลาทำการ ลูกค้ามากกว่า 96% พึงพอใจในการเข้ามาใช้บริการ ซึ่งในปี 2567 นี้ยังสามารถคว้ารางวัลในด้านการทำแพลตฟอร์มและการทำโฆษณาที่ตอบโจทย์ธุรกิจและลูกค้ากว่า 12 รางวัลในระดับเอเชีย และระดับโลก