TFG คาดผลงาน H2/66 ชะลอต่อ จากราคาหมูตกต่ำ

HoonSmart.com>>”ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป”(TFG) คาดผลงานครึ่งหลังปี 66 ชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรก จากราคาหมูที่ยังตกต่ำ แม้ต้นทุนวัตถุดิบจะลดลง เดินหน้าส่งออกไก่  รายได้ทั้งปีคาดจะเติบโต 10% มุ่งขยาย Retail Shop เพิ่มมาร์จิ้น ลดพึ่งพา Modern Trade ตั้งเป้าปีนี้จะขยาย Shop ถึง 400 สาขา ช่วยให้เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง สร้างความยั่งยืนในอนาคต  แย้มอีก 2 ปีข้างหน้าจะนำบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์

นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งหลังปี 2566 คาดว่าจะชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรก จากราคาหมูที่ยังไม่ดีขึ้น แม้ต้นทุนวัตถุดิบจะลดลง อย่างข้าวโพด ลดลงจากครึ่งปีแรก โดยการส่งออกไก่ยังเดินหน้าต่อไปได้ ไปยังญี่ปุ่น, ยุโรป, จีน, มาเลเซีย และตะวันออกกลาง ทำให้ปี 2566 คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ 10%  รายได้หลักมาจากไก่สัดส่วน 40% จากหมู 30% ทั้งนี้ในไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 425.39 ล้านบาท ลดลงประมาณ 31 %เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ  618.52 ล้านบาท

“ช่วงไตรมาส 3 แม้จะเป็นช่วง High Season แต่ราคาหมูกดดันมาก ทำให้ไม่เป็นปกติเหมือนทุกปี ซึ่งบริษัทก็หันมามุ่งส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะไก่ปรุงสุก และใช้ Shop ในการลดต้นทุน Supply Chain และเพิ่มมาร์จิ้น โดยมีการขายปลีกหมูผ่าน Shop มากขึ้น สามารถได้มาร์จิ้นดี และยังคุมต้นทุนได้ด้วย ตอนนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ของโรคไข้หวัดนก โดยเฉพาะที่บราซิลจะควบคุมโรคได้มากน้อยแค่ไหน คู่ค้ายุโรป และญี่ปุ่นมี Action อย่างไร ซึ่งญี่ปุ่นได้แบนไปแล้ว 1 รัฐในบราซิล ปัจจัยนี้ทำให้บริษัทมีออเดอร์เข้ามาเพิ่มบ้างเล็กน้อย”

ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG กล่าวว่า ปัจจุบันราคาหมูอยู่ที่ 60-70 บาท/กก. ลดลงจากต้นปี 2566 ที่อยู่ 80-90 บาท/กก. และยังลดลงจากปี 2565 ที่ราคาหมูอยู่ราว 100 บาท/กก. ราคาหมูที่ตกต่ำเกิดจากการลักลอบนำเข้าหมูมาตั้งแต่ปี 2565 ถึงครึ่งแรกปี 2566 หลังจากนั้นภาครัฐ และสมาคมผู้เลี้ยงหมู ก็เข้มงวดขึ้น ทำให้ปัญหาเบาลง แต่ก็ยังมาเผชิญกับการผลิตในประเทศมากขึ้นในเดือนมิ.ย.-ก.ค. ทำให้ราคาหมูยังอยู่ในระดับต่ำอยู่

ทั้งนี้ หากมองการบริโภคหมูในประเทศจะเห็นได้ว่าลดลงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 25-26 กก./คน/ปี มาอยู่ที่ 20 กก./คน/ปี ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้น ทำให้การบริโภคหมูทยอยเพิ่มขึ้น และราคาหมูก็เริ่มจะมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตหลายรายเข้าสู่ภาวะขาดทุน หากราคาหมูต่ำกว่า 60 บาท/กก. ก็จะเสี่ยงต่อภาวะขาดทุน

” TFG เวลานี้ก้ํากึ่ง หากราคาหมูต่ำกว่า 60 บาท/กก. ก็จะเสี่ยงต่อภาวะขาดทุน”

อย่างไรก็ดี การขยายตลาดยังไปได้ โดยมีการขยาย Retail Shop ทำให้สามารถขยายตลาดได้เร็วขึ้น และพึ่งพา Modern Trade ให้น้อยลง โดยปัจจุบันมีอยู่ 300 สาขา ปีนี้ตั้งเป้าจะขยายให้ถึง 400 สาขา บริษัทตั้งงบลงทุน 2-3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้ขยาย Shop ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการเพิ่มห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ให้กับหมูไทย เพราะตอนนี้ราคาหมูเวียดนามแพงกว่าของไทย โดยราคาหมูเวียดนามจะอยู่ประมาณ 57,000-58,000 ด่อง/กก. เทียบเท่าเงินไทยประมาณ 85-90 บาท/กก.จากตลาดหมูในเวียดนามดีมาตั้งแต่ต้นปี 2566 จากโรคระบาดที่กลับมาอีกครั้ง และปริมาณหมูหายไป  เป็นผลจากรัฐบาลเวียดนามยกเลิกพื้นที่เลี้ยงหมูทางภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม อีกทั้งมีเหตุการณ์ไฟดับทางภาคเหนือ ปัจจัยดังกล่าวนี้ทำให้ราคาหมูในเวียดนามดีขึ้น

นายเพชร กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะขยายไปยังธุรกิจอื่น แต่จะมุ่งขยายช่องทางจำหนาย Retail Shop มากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง และยังสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว เพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะเข้าตลาดได้ราวปี 2568-2569