ดาวโจนส์ปิดลบ 219 จุด จับตาจ้างงานสิงหาคม

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ ปิดที่ 40,755.75 จุด ลดลง 219.22 จุด หรือ -0.54% นักลงทุนทิ้งสินทรัพย์เสี่ยงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จับตาการรายงานข้อมูลแรงงานประเมินสัญญานลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ราคาน้ำมันดิบ ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 69.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 5 กันยายน 2567 ปิดที่ 40,755.75 จุด ลดลง 219.22 จุด หรือ -0.54% แต่ฟื้นตัวจากที่ร่วงไปถึง 350จุดในช่วงแรก นักลงทุนทิ้งสินทรัพย์เสี่ยงและมีความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่จับตาการรายงานข้อมูลแรงงานสำคัญในวันศุกร์ เพื่อประเมินสัญญานการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,503.41 จุด ลดลง 16.66 จุด, -0.30%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,127.66 จุด เพิ่มขึ้น 43.36 จุด, +0.25%

ดัชนี S&P 500 และดัชนีดาวโจนส์ผันผวนและปิดในแดนลบหลังจากที่ปรับขึ้นในช่วงสั้นๆ จากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (Institute for Supply Management:ISM) ที่บ่งชี้ว่าว่า ภาคบริการยังคงขยายตัว โดยดัชนีภาคบริการเดือนสิงหาคมปรับตัวดีขึ้นมาที่ 51.5 จาก 51.4 ในเดือนกรกฎาคม และสูงกว่า 51 ที่นักวิเคราะห์คาด

นอกจากนี้การขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วว่ามี 227,000 ราย ลดลง 5,000 ราย ซึ่งต่ำกว่า 230,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดปรับตัวลงหลังการรายงานการจ้างงานภาคเอกชนเดือนสิงหาคมของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP)ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดเมื่อเทียบรายเดือน โดยเพิ่มขึ้น 99,000 ตำแหน่ง และต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 และต่ำกว่า 140,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาดอย่างมาก ทำให้กังวลว่าตลาดแรงงานจะชะลอตัว

ข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีส่งสัญญาณที่หลากหลายเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังมีคำถามว่าเฟดลดอัตราดอกเบี้ยช้าไปหรือไม่

รายงานการจ้างงานเดือนสิงหาคมที่กำหนดเผยแพร่ในวันศุกร์ จะเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดที่คาดว่าจะบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ กำลังชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนประเมินว่าภาวะตึงตัวที่ผ่อนคลายมากขึ้น จะทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์นี้หรือไม่

หุ้น 8 ใน 11 ของกลุ่ม S&P 500 ปรับตัวลง นำโดยการลดลงของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และอุตสาหกรรม แต่หุ้นสินค้าฟุ่มเฟือยนำการปรับขึ้นได้รับแรงหนุนจาก Tesla ส่วนหนึ่ง
วาซีฟ ลาตีฟ ประธานและซีอีโอฝ่ายการลงทุนของ Sarmaya Partners กล่าวว่า ตลาดมีการซื้อหุ้นและมีการขายหุ้นออก ขณะที่จับตาดูข้อมูลเพื่อประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยจากเฟด

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเผยแพร่การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 165,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.2%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี โกลบอล รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 55.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 และขยายตัวเป็นเดือนที่ 19 ติดต่อกัน

ส่วนหุ้นรายตัว หุ้นTesla เพิ่มขึ้นเกือบ 5% หลังบริษัทประกาศว่าจะเปิดตัวซอฟต์แวร์เพื่อช่วยการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ หรือ FSD (Full Self-Driving) ในยุโรปและจีนในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า โดยรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

ตลาดยุโรปปิดลบ จากข้อมูลเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และกลบการปรับเพิ่มขึ้นของกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

กลุ่มเฮลธ์แคร์ กลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มของใช้ส่วนบุคคล ลดลงกว่า 1%

ความกังวลทางเศรษฐกิจยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนกรกฎาคม แต่ยอดค้าปลีกในยูโรโซนลดลงเมื่อเทียบรายปี
เมื่อบวกกับสัญญาณของการอ่อนตัวลงในตลาดแรงงานสหรัฐ ทำให้นักลงทุนระมัดระวังก่อนข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สำคัญของสหรัฐในวันศุกร์

หุ้นกลุ่มสินค้าหรูลดลงกว่า 3% โดยหุ้น LVMH และหุ้น Hermes International ลดลง 3.6% และ 6.4% ตามลำดับ

การเลือก มิเชล บาร์นิเยร์ อดีตผู้เจรจาด้าน Brexit ของสหภาพยุโรป (EU) เป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร และพันธบัตรรัฐบาล ด้วยความหวังว่าจะช่วยคลายความปั่นป่วนทางการเมืองในประเทศนับตั้งแต่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง จัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

สถาบัน Ifo ของเยอรมนีรายงาน เศรษฐกิจของเยอรมนีมีแนวโน้มซบเซาในปีนี้ ตรงข้ามกับการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ว่าอาจขยายตัว 0.4%

หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ทั้ง กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นกว่า 1% นักลงทุนยังคงคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้

จากการสำรวจโดยรอยเตอร์นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% ในวันที่ 12 กันยายนนี้ และจะปรับลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 512.05 จุด ลดลง 2.77 จุด, -0.54%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,241.71 จุด ลดลง 27.89 จุด, -0.34%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,431.96 จุด ลดลง 69.01 จุด, -0.92%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,576.50 จุด ลดลง 15.35 จุด, -0.08%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 69.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 72.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2023